top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

คุณตาล: "อยากท่องเที่ยวแต่ไม่มีเงินคือข้ออ้างมากกว่า เพราะถ้าไม่มีก็ขอพ่อแม่ได้"


หากนับการอพยบหนีหนาวของนกอีก๋อยจากไซบีเรียว่าการเดินทาง การที่มนุษย์เดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ก็นับได้ว่าเป็นการเดินทางเหมือนกัน จะต่างกันก็ตรงที่นกนั้นใช้ปีกที่มีติดตัวเพื่อเดินทาง แต่มนุษย์เราใช้เงิน

เป็นเวลาสี่ปีที่เราไม่ได้เจอคุณตาลตาล ธนพร แก้วสารพัดวิเศษกุล นักธุรกิจสาวสุดชิคที่ปัจจุบันผันตัวเป็นนักท่องเที่ยวมืออาชีพ แบกเป้ขึ้นเขา เข้าป่า เมื่อเห็นภาพและคลิปการท่องเที่ยวแบบลุยๆ ใน IG ของเธอแล้ว ถ้าจะวิเคราะห์การเดินทางของคุณตาลด้วยประสบการณ์การเดินทางของผมตั้งแต่สมัยบ้านท่าเดื่อมุ่งหน้าหลวงพระบางยังไม่มีสะพาน ก็ฟันธงได้เลยว่าเธอเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณนักเดินทางจริงๆ

Third World ได้โอกาสสัมภาษณ์ exclusive หนึ่งวันก่อนที่เธอจะบินไปฉีดวัคซีนที่นิวยอร์ก ซึ่งเป็นทริปเร่งด่วนที่เธอเพิ่งวางแผนเมื่อสามวันก่อน เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้บินไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศแบบเธอบ้าง

 

Third World: ได้ยินว่าสี่ปีที่ผ่านมา คุณตาลเลิกธุรกิจทุกอย่างเพื่อเป็นนักเดินทางมืออาชีพเต็มตัว

คุณตาล: ก็ยังไม่เต็มตัวขนาดนั้นหรอกค่ะ ก็ยังต้องช่วยธุรกิจป่าไม้ของที่บ้านบ้าง ล่าสุดเพิ่งได้สัมปทานพื้นที่เกาะแห่งหนึ่งมา 3,000 ไร่ ที่สวยมากค่ะ เป็นอุทยานแห่งชาติด้วย คุณพ่อ (คุณช้อนทอง แก้วสารพัดวิเศษกุล – นักธุรกิจป่าไม้ชื่อดัง) ให้เป็นของขวัญวันเกิด ก็ถามตาลว่าอยากทำอะไร ตาลก็บอกว่าอยากเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงเทพฯ รายได้ปานกลาง แต่ก็ยังอยู่ในช่วงการวางผัง งานตอนนี้ก็เลยจะเป็นงานโค่นต้นไม้ ถมทะเลทำท่าเรือ แล้วก็เคลียร์พื้นที่ป่าโกงกางให้หมดเสียก่อนเพื่อที่จะได้เห็นวิวทะเลสวยๆ คือตาลเป็นคนเห็นใจคนหาเช้ากินค่ำค่ะ รู้ว่าเขาเหนื่อย เขาลำบาก พอมีโอกาสทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ก็อยากทำ เพราะเราเองก็เคยลำบากมากก่อน อย่างตอนเรียนลอนดอนบางทีก็ต้องล้างจาน ถูบ้าน ซักผ้าเอง พอมีโอกาสทำตรงนี้ ก็อยากทำเพื่อพวกเขาตรงนี้ (ยิ้ม)

เห็นคุณตาลเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้ นึกภาพคุณตาลถือขวานโค่นต้นไม้ไม่ออกเลยครับ

โอ๊ย เดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้ขวานกันแล้วค่ะ (หัวเราะ) ก็ใช้พวกรถเครื่องจักร หรือถ้าต้นใหญ่ๆ อายุหลายร้อยปีก็ใช้ระเบิดฝังตามรากให้ต้นไม้เขาโค่นลงมาเลย แต่ตาลก็เคยลองใช้ขวานไฟฟ้านะคะ หนักมากก (หัวเราะ) แต่พอเห็นต้นไม้โค่นลงมา เราก็ได้เห็นว่าสิ่งที่เราไม่เคยทำ ถ้าได้เรียนรู้และลองทำ มันก็เป็นความภาคภูมิใจ (ยิ้ม)

เป็นสาวลุยเหมือนกันนะครับเนี่ย

เป็นคนโก๊ะๆ มากกว่าค่ะ (หัวเราะ) พี่ๆ คนงานเขาเก่งกว่าตาลเยอะ อย่างตาลนี่ กว่าจะตัดได้แต่ละต้นทุลักทุเลมาก บางทีรังนกตกก็ใส่หัว ลูกนกตัวแดงๆ ร้องแซวระงงมเลย (หัวเราะ) ตลกดี

แต่เห็นรูปคุณตาลใน IG แบกเป้เที่ยว นั่งรถไฟ ทานข้าวข้างทาง ก็คงเป็นมีความเป็นคนติดดินอยู่นะครับ

ตาลรักการเดินทางท่องเที่ยวค่ะ ตอนเด็กๆ ก็ตามคุณพ่อขึ้นเขาลงห้วยไปพัฒนาพื้นที่ป่าหลายแห่ง จนรู้สึกว่าเราได้เห็นเมืองไทยเยอะแล้ว พอเรียนจบมาก็อยากไปเห็นธรรมชาติที่อื่นบ้าง ก็ไปหลายประเทศนะคะ ถ้าถามว่าตอนนี้ตาลทำอาชีพอะไร ก็คงเป็นอาชีพนักเดินทางค่ะ

เพราะอะไรถึงชอบการเดินทางครับ?

เพราะการเดินทาง ทำให้เราได้สัมผัสกับผู้คนและวิถีชีวิตแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยค่ะ และตาลเชื่อว่าจุดหมายไม่ได้อยู่ที่ปลายทางแน่นอนค่ะ

แล้วอยู่ที่ไหนครับ

(นิ่งคิดนาน) คิดว่าอยู่ที่ปลายทางค่ะ

จำการเดินทางแบ็คแพ็คครั้งแรกได้ไหมครับ

โห นานมาก น่าจะสี่ปีที่แล้วค่ะ ตอนนั้นเพิ่งปิดร้านอาหาร Eat Easy เพราะเริ่มคิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ชีวิตตาลต้องการ ก็เลยแพ็คกระเป๋า แล้วเรียกแกร็บไปถนนข้าวสารโดยไม่ได้บอกที่บ้าน แต่นอนข้าวสารได้สี่คืนคุณแม่ก็มาตามกลับบ้าน

ที่บ้านรู้ได้ยังไงครับ

พอดีโรงแรมนั้นเป็นโรงแรมของคุณพ่อค่ะ ซึ่งตาลก็ไม่ได้บอกพนักงานนะคะ เพราะกลัวเขารู้ว่าเราอยู่ไหน แต่มาโป๊ะแตกเพราะคุณแม่เห็นรูปที่ลงใน IG แล้วบัตรเครดิตที่ใช้เป็นบัตรคุณพ่อ พอคุณแม่ท่านเห็นยอดมันขึ้นก็รีบมาตามกลับบ้านเลย

ทริปแรกวางแผนนานไหม

นานค่ะ ไหนจะต้องเตรียมตัวว่าเราจะกินอะไร จะนอนยังไง จะร้อนไหม จะป่วยไหม กระเป๋าเป้ที่สั่งจากอิตาลีก็มาช้าอีก ไหนจะต้องรอรถแท็กซี่ คือกว่าจะถึงโรงแรมคือเพลียมาก แล้วยังเจอห้องพัดลมอีก! (หัวเราะ) ตัวเหนียวมาก แล้วพอจะอาบน้ำก็ไม่มีน้ำอุ่นอีก พอตกดึกก็ไปนั่งอยู่ที่ร้านขายเบียร์ริมทางค่ะ ไม่รู้พี่เคยเห็นไหม คือมันจะเป็นเก้าอี้ไม้ โต๊ะไม้แบบพับได้ แล้วนั่งเบียดกันมาก แต่ก็ได้ลองอะไรใหม่ๆ นะคะ เช่นลองถักผม กินผัดไท นอนนวด กว่าจะปรับตัวได้ก็วันที่สาม แต่มันก็ทำให้ตาลคิดได้ ว่าการเดินทางคือส่วนหนึ่งของชีวิตที่หายไปของตาล และเราเองก็ขาดมันไม่ได้ แต่วันรุ่งขึ้นคุณแม่ก็มาหาพอดี

ท่านว่าอย่างไรบ้างครับ

แม่มาถึงข้าวสารก็กอดแล้วร้องไห้ นาทีนั้นทำให้ตาลได้รู้เลยว่าประสบการณ์การท่องเที่ยวครั้งแรกมันเปลี่ยนชีวิตเราจริงๆ ได้รู้ว่า เออ จริงๆ เราชอบการเดินทางนะ คือถ้าใครมองตาลแว้บแรกก็จะคิดว่า เฮ้ย เด็กคนนี้ไฮโซ ซึ่งส่วนตัวก็ไม่อยากให้ใครมองแบบนั้นอยู่แล้ว เย็นวันนั้นตาลก็เลยขอคุณแม่ว่าอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองคืน และอยากออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง ก็คุยอยู่นานจนยุงเริ่มมา คุณแม่เลยอยากกลับบ้าน ท่านก็เลยบอกว่า โอเค ลองดูก็ได้ แต่ขอให้ตาลสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี ท่านก็โอนเงินให้สี่หรือห้าล้านนี่ล่ะ จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ แล้วก็ช่วยคุยกับเพื่อนที่เป็นบอร์ดของการบินไทยให้ ส่วนโรงแรมวันนั้นก็เปลี่ยนเป็นจากห้องพัดลมเป็นห้องแอร์ให้ ตาลก็แบบว่า อ้าว มีห้องแอร์ด้วยเหรอคะ คือโก๊ะมากค่ะ (หัวเราะ)

คุณตาลก็ไปมาหลายสิบเมืองแล้ว ประสบการณ์โหดๆ ที่เคยเจอมีอะไรบ้าง

แต่ละทริปย่อมมีอุปสรรค และต้องเจอเรื่องดีกับเรื่องไม่ดี ซึ่งถ้าเรามองอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา ชีวิตก็เรียบง่ายขึ้นเยอะ อย่างตอนไปปารีสแล้วกระเป๋าเงินหาย ในนั้นมีทั้งบัตรเครดิตเสริม 6 ใบ กับเงินสดอีก 500 ยูโร แต่ยังโชคดีที่ไปกับพี่คนงานที่บ้าน ที่คุณแม่เขาให้เดินทางกับตาลเพื่อช่วยถ่ายรูปและถือของ เขาก็ติดต่อคุณแม่ ส่วนตาลต้องไปยืนรอรับเงินที่หน้าเวสเทิร์นยูเนี่ยนอยู่ 3 ชั่วโมง ก็มีหงุดหงิดบ้างที่ช้าไปหน่อย บางทีเวลาเราเจอเรื่องอะไรที่มันแย่ๆ ระหว่างทางแบบนี้ บางคนอาจรู้สึกไม่ดี อยากกลับบ้าน แต่ตาลจะนึกถึงคำพูดของพี่มินท์ I Roam Alone นะคะ ว่าการเดินทางแบบนี้ ก็เหมือนแส้ที่คอยเฆี่ยนตีเรา ให้เราเจ็บนิดนึง หรือเหมือนกับดินสอที่เราต้องหมั่นเหลา ตอนเหลาจะเจ็บ จากนั้นดินสอจะแหลมคม เหมือนการเดินทาง เจ็บแต่คุ้ม การเดินทางเปรียบเหมือนลมหายใจตาลค่ะ เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญในการเดินทางอยู่แล้ว เพราะแบบนี้เลยทำให้ตาลเดินทางไม่หยุดเลยค่ะ

ขอนิยามการเดินทางของคุณตาลสั้นๆ

จุดหมายไม่ได้อยู่ที่ปลายทางค่ะ การเดินทางทำให้เราได้เจออะไรดีๆ อย่างเช่นมีครั้งนึงที่ตาลไปนอนโรงแรมนึง แล้วเตียงเขาดีมาก ตาลก็ขอให้คนงานของคุณแม่ติดต่อซื้อเครื่องนอนของโรงแรมไปส่งที่บ้าน

แต่บางคนอยากท่องเที่ยวแต่ไม่มีเงินนะครับ

ไม่มีเงินคือข้ออ้างมากกว่าค่ะ ถ้าเราอยากท่องเที่ยวแต่ไม่เริ่มหาวิธีไป มันก็ไม่ได้ไปไหน ซึ่งการจะได้ออกท่องเที่ยวมันก็มีตั้งหลายวิธี อย่างบางคนเรียนจบแล้วแต่ก็ยังขอเงินพ่อแม่ไปเที่ยวก็มี ส่วนตาลเองก็มีสองวิธีในการจัดการกับสิ่งเหล่านั้นค่ะ

สองวิธีคืออะไรบ้างครับ

วิธีแรกคือ คุณจำเป็นจะต้องคุยเก่ง คุยกับพี่วินมอเตอร์ไซด์ คุยกับคนขับรถโดยสารคุยกับร้านอาหาร คุยกับแม่บ้านโรงแรม หรือจะให้ดีต้องคุยกับผู้จัดการโรงแรม ตาลเคยอ่านมานะคะ ตาลเป็นคนชอบอ่านหนังสือค่ะ คือมนุษย์เราหากนับย้อนถอยหลังไป 6 ชั่วคน จริงๆ แล้วเราทุกคนรู้จักกันหมด เอาเหตุผลนี้ตั้ง แล้วเริ่มการสนทนาอย่างถึงเครื่องได้เลย นอกจากจะเดินทางหรือได้อะไรมาแบบไม่ต้องใช้เงิน คุณอาจเป็นที่จดจำของใครหลายๆคน แต่ถ้าวิธีแรกไม่โอเค ตาลก็ขอแนะนำให้ลองข้อสอง คือขอเงินคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

ในช่วงโควิดแบบนี้ ทุกคนต่างก็อยากท่องเที่ยวแต่ไปไม่ได้ คุณตาลอยากฝากอะไรกับคนอื่นๆ หน่อยไหมครับ?

ก็คือ อยากจะบอกว่าถึงตอนนี้จะมีโรคระบาดที่น่ากลัวมากๆ ใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราไม่อยากฉีดวัคซีนที่รัฐบาลหาให้ เราก็บินไปฉีดที่อเมริกาก็ได้ นั่นก็คือประโยชน์ของการเดินทาง แต่ถึงอย่างไร ตาลก็อยากให้มองโควิดในแง่ดี เช่นมองว่ามันทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราเคยมี ได้มองเห็นความพิเศษในความธรรมดา เช่นลังกระดาษก็สามารถนำมาใช้ทำเตียงสนามได้ แล้วก็ได้เห็นน้ำใจคนไทยด้วยกัน สำหรับคนอาชีพนักเดินทางอย่างตาลที่ได้ไปเห็นเกือบจะทุกที่ของโลกมาแล้ว ตาลขอยืนยันตรงนี้เลยนะคะ ว่าเมืองไทยของเราน่าอยู่ที่สุดในโลกแล้วค่ะ


สวย เก่ง และลุยแบบนี้ เราคงพูดได้เต็มปากว่า คุณธนพรคือตัวอย่างของเซเลบริตี้รุ่นใหม่ ที่คุณภาพล้นแก้วจริงๆ

 

[ADVERTISEMENT]


bottom of page