top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

NO DRAMA: วิค ธีร์รัฐ ออกจากแบรนด์ Vickteerut ด้วยดี เพื่อมาทำแบรนด์นี้ที่คนละเรื่องกันเลย

ยุคนี้คนนิยมเคลมตัวเองเป็นคนวงในกันได้ในทุกสถานการณ์ แต่จะบอกไรให้ ข่าววงในที่เชื่อถือได้เดี๋ยวนี้มีแค่วงในดอทคอม

ตอนที่วิค ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน ออกจากแบรนด์ Vickteerut ของเขาเอง แล้วแป้ง (อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ ) มาดูแลแทน คน “วงใน” ก็เม้ากันว่า “แก๊...ดูสิ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” มั่งล่ะ “นี่ไง เห็นมั้ยแก เงินทำให้เพื่อนแตกกัน!” มั่งล่ะ พวกจินตนาการสูงหน่อยก็บอก “หูย วิคมันรับเรื่องโดนเพื่อนฮุบหุ้นไม่ได้ขนาดหนีไปบวชเลย ฉันงี้ฟังมันเล่าแล้วน้ำตาซึม สงสาร เห็นใจ เจ็บแทน ฯลฯ เลยอ่ะแก” 

ความจริงคือ ที่วิคไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะมันไม่มีอะไรให้เล่า THE END. เขากับแป้งยังรักกันดี แค่ตอนนี้ความสนใจเขาเปลี่ยนไปจากทำเสื้อผ้าแฟชั่น มาทำเสื้อผ้าออกกำลังกาย

 

1. เขาบวชเพราะเพื่อนเขาตาย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องเงินๆ ทองๆ


เมื่อปีที่แล้ว วิคบวชที่วัดเล็กๆ ในจังหวัดระนอง 6 เดือน แต่ถ้านับเวลาที่อยู่วัดทั้งหมดก็นานกว่านั้น เพราะต้องอยู่วัดเพื่อฝึกขานนาคอยู่เกือบเดือน สำหรับคนที่รู้จักกันมาเป็นสิบปี แต่ไม่เคยเจอกันในแสงกลางวันอย่างผม มันยากที่จะนึกภาพให้ออก ว่าคนแฟชั่นแต่งตัวเก๋ไก๋ เจอกันได้ทุกปาร์ตี้อย่างวิค จะกลายเป็นเด็กวัดตื่นตีสี่ ใส่กางเกงขาสั้นเดินตามหลวงพ่อไปบิณฑบาตรทุกเช้า

วิค- ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน

ที่คิดบวชเพราะอะไร มันก็หลายเรื่องอ่ะพี่ ปีที่แล้วเสียเพื่อนสนิทไปสองคนในปีเดียว แล้วมันเกิดขึ้นแบบใกล้กันมากด้วย (สิงห์ Sqweez Animal และ ป่อมป๊อม-ทรงสุมน โปษยานนท์ ดีเจตัวอ้วนที่เคยเปิดเพลงให้ Dudesweet บ่อยๆ) บวกกับเรื่องงานที่เศรษฐกิจมันก็เริ่มไม่ดีแล้ว ยอดขายหายไปประมาน 50% แล้วแบรนด์ Vickteerut เป็นแบรนด์ที่ผลิตด้วยตัวเองหมดเลย ไม่มีการจ้าง out source จึงทำให้ค่าใช้จ่ายรายเดือนมันสูงมาก เฉพาะช่างเย็บอย่างเดียวก็ 50 คนแล้ว หุ้นส่วนเราเขาเห็นเรา เขาก็รู้แหละ เขาบอกว่าถ้าเราไปบวชเราอาจดีขึ้น แล้วค่อยกลับมาทำต่อก็ได้ แต่ตอนนั้นคือถ้ายิ่งอยู่เราก็ยิ่งแย่ ตอนจะบวชก็ไม่ได้บอกใครเลย มีแค่พ่อแม่กับหุ้นส่วน แล้วต่อมาแป้งก็ตรวจเจอมะเร็ง ตอนบวชเราก็อธิษฐานไว้ว่าจะไม่กินสัตว์บกเพื่อขอให้เขาหาย แต่ตอนหลังก็มีคนมาเตือนว่าจำเป็นต้องกินบ้างเพื่อสารอาหาร


เราไม่เคยรู้ว่าวิคมีภาคนี้ในชีวิตด้วย เพราะเราก็เจอกันแต่ในปาร์ตี้ ไอ้ส่วนนี้มันอยู่โซนไหนของเธอวะ คนใช้ชีวิตเฟี้ยวฟ้าวอย่างวิค ไปบวชแล้วได้เห็นอะไรบ้าง โหพี่ หลังๆ วิคอยู่กรุงเทพแล้วเหนื่อยมากเลยนะ แค่เห็นรถวิคยังรูสึกโดนดูดพลัง คือเรารู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับการอยู่ในเมืองแล้วน่ะ แล้ววัดที่บวชก็เล็กๆ เพราะเราไม่อยากไปอยู่วัดใหญ่มาก อยากไปอยู่ที่เล็กและมันสงบจริงๆ การบวชมันก็ทำให้ได้เห็นหลายอย่าง เห็นเลยว่าตัวเองเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่ไร้สาระมาเยอะเหมือนกัน อะไรที่มันไม่จำเป็นในชีวิตจะทำทำไม สิ่งที่ใช้อยู่ก็ไม่เห็นจำเป็นเลย กูจะซื้อเสื้อผ้าแพงๆ ทำไม แล้วพอไปอยู่ต่างจังหวัดเห็นชัดขึ้น เพราะคนต่างจังหวัดบางคนนี่ไม่มีจะกินเลยนะพี่ ต้องมาขอข้าววัด มันเห็นหลายอย่าง


แล้วมุมมองเกี่ยวกับแฟชั่นเปลี่ยนไปไหม

ก็เพราะเปลี่ยนไง เลยเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงทำ Vickteerut ต่อไม่ได้ เราไม่อยากทำอะไรที่มัน exaggerate หรืออะไรที่เกินความจริงอีกแล้ว แล้วเรารู้สึกว่าเสื้อผ้าที่มันเป็นแฟชั่นมันกลายเป็นของฟุ่มเฟือย กลายเป็นว่ากลับมาอยากทำอะไรที่มัน simple หนักกว่าเดิมอีก


อ้าว บอกว่าเสื้อผ้าแพงๆ มันฟุ่มเฟือย แล้วตอนนี้ที่สึกออกมาทำแบรนด์ใหม่ V Activewear นี่ล่ะ ก็ไม่ได้กะขายแพงไงพี่ ราคาพันกว่าบาทถึงสามพัน ซึ่งก็เท่ากับราคาเสื้อผ้ากีฬาตามห้างทั่วไป

 

2. เขาออกมาจากแบรนด์ที่เขาก่อตั้งด้วยดี ทุกคนในทีมก็ยังดีกันเหมือนเดิม

สำหรับแฟชั่น การที่ชื่อแบรนด์ไม่ตรงกับชื่อดีไซน์เนอร์ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย Galliano ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ชื่อตัวเองแล้ว ล่าสุด Raf Simons ก็เป็นคนออกแบบ Calvin Klien หรือแม้ Christian Dior จะเสียชีวิตไป 60 ปี แต่แบรนด์ก็ยังยิ่งใหญ่ อยู่ได้ขายดี ชื่อแบรนด์จึงเป็นแค่ปก แต่เนื้อในเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพงาน

Vickteerut Spring/Summer 2017 (photo: Vickteerut FB Page)

แป้งเข้ามาเป็นหุ้นส่วนตอนปีไหน ประมาณปี 2011 (วิคเริ่มแบรนด์ตอนปี 2004) พี่แป้งจบแฟชั่นดีไซน์ที่จุฬาฯ เรารู้จักกันเพราะเขาเป็นเพื่อนพี่ชาย แป้งเข้ามาหลังจากวิคทำคนเดียวได้ 5 ปี ก็คิดว่ามีพี่แป้งก็ดีเพราะว่าถ้าตัวเองทำอยู่คนเดียวก็เละเหมือนเดิม เพราะเราไม่ค่อยจัดการอะไรให้มันเป็นระบบ บัญชีก็ไม่ทำ ดังนั้นพอเขาเข้ามาวิคก็มีหน้าที่แค่ดีไซน์อย่างเดียว ซึ่งแฮปปี้มาก


หลังสึกออกมาแล้ว คุยกับแป้งว่าจะไม่ทำแล้ว คุยอะไรกัน พี่แป้งก็อยากจะเปลี่ยนทิศทางของแบรนด์ด้วย เขาอยากให้มันขายได้มากขึ้น มีความหวานขึ้น ซึ่งตัววิคไม่มีความหวานอยู่ในตัวแม้แต่นิดเดียว จะให้ทำระบายยังไม่รู้จะเอายังไง แล้วจะให้มาทำชุดมีระบายนี่ก็ไม่สามารถ นึกออกปะ แล้วพี่แป้งเขาอยู่กับแบรนด์มานาน ฉะนั้นไดเรคชั่นที่จะเปลี่ยนเขาค่อนข้างเข้าใจ แล้วตอนนี้เราก็มีหุ้นส่วนคนอื่นด้วย แล้วยอดมันตกน่ะพี่ ถ้ายังอยู่ในตำแหน่งเดิม (ดีไซน์เนอร์) มันก็อยู่ไม่ได้แล้ว เพราะว่า Vickteerut เป็นเสื้อผ้าที่เรียบ พอโดนก๊อปทีมันง่ายมาก มันเป็นเสื้อผ้าที่ไม่มีลายพิมพ์ ฉะนั้นใครก็ก๊อปได้ แต่เรื่องโดนก๊อปนี่เราชินจนเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่ได้คุณภาพเท่าของเรา ที่พูดนี่เพราะเคยไปบุกไปดูของก๊อปเลย เห็นแล้วหัวเราะเลยนะ เพราะเย็บได้ใจร้ายมาก


ดังนั้นการปรับทิศทางเป็นเรื่องของตลาดมากกว่า เพราะช่วงหลังตลาดเสื้อผ้าไทยเรียบๆ มันเริ่มเยอะขึ้น แต่ก่อนถ้าเป็นเสื้อผ้ามินิมัล Vickteerut นี่ครองตลาดเลยเพราะว่าเรามาคนแรก มาในช่วงที่คนอื่นเขาเป็นสาวหวานกันหมด ช่วงแรกทำอะไรก็ขายได้เพราะว่ามันไม่มีเสื้อผ้าแนวนี้ แต่พอมาร์เก็ตแชร์มันเยอะขึ้นเราก็ต้องปรับตัว ตอนสึกใหม่ๆ เราก็ยังกลับไปบริษัท สักพักก็คุยพี่กับแป้งว่าอยากออก ก็ได้ข้อสรุปกันว่า พี่แป้งจะยังคนดูคอนเซ็ปต์โดยรวม (creative director) แล้วทีมงานเดิมทั้งหมดก็ยังคงดูเรื่องแบบ


V Activewaer เป็นไอเดียตอนอยู่วัดหรือเปล่า ไม่ใช่ คิดเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนบวชตั้งนานแล้ว เคยพูดบ่อยๆ ว่าอยากทำเสื้อผ้ากีฬามาก เพราะว่ามันตอบโจทย์ที่ว่าฉันจะได้ใช้ผ้าไฮเทค ได้ใช้ผ้าทันสมัยหมดเลย สังเกตว่า Vickteerut ช่วงหลังๆ มันเริ่มมีผ้าไฮเทคขึ้นเรื่อยๆ แล้วลูกค้าเขาจะเริ่มงง ลูกค้าไม่เข้าใจว่าผ้าเจอร์ซีย์ดีๆ มันแพงกว่าผ้าธรรมดาอีกนะ ผ้ายืดดีๆ ที่เราสั่งเข้ามานี่คือเมตรนึงเจ็ดร้อย เคยโดนห้างบ่นว่าชุดผ้ายืดขายได้ยังไงตัวละหมื่น? เฮ้ย ดูราคาผ้าก่อน นี่ผ้าเนื้อเดียวกับเวอร์ซาเช่เลยนะที่เอาเข้ามาน่ะ


ตอนนี้ที่มาทำเสื้อผ้าออกกำลังกายแล้ว ยังเห็นภาพตัวเองดีไซน์เดรสยาวเดินแคทวอล์คอยู่บ้างไหม ไม่มีเลย

...และเหตุผลของการแยกวงของวิคก็มีแค่นี้. Next!

 

3. แบรนด์ใหม่ของวิคชื่อ V Activewear เป็นเสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกาย


วิคไม่ได้จู่ๆ ลุกขึ้นมาทำเสื้อผ้าออกกำลังกายโดยไม่เข้าใจเรื่องการออกกำลังกาย เขาเล่นโยคะเกือบทุกวันเป็นเวลาสี่ปีจนตอนนี้เริ่มเป็นครูแล้ว เขาจริงจังกับโยคะขนาดมีแผนจะไปเรียนโยคะที่อินเดียสองเดือน เพื่อเอาใบประกาศสาขา Ashtanga ไว้เป็นความภูมิใจส่วนตัว เมื่อสังคมรอบตัวเริ่มรายล้อมด้วยคนออกกำลังกายด้วยกัน คนเป็นดีไซน์เนอร์ก็ได้ความรู้เรื่องการออกแบบเสื้อผ้าที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายด้วย


เวลาเราซื้อกางเกงไว้ใส่วิ่งสักตัว เราไม่ได้สนใจเรื่องดีไซน์เท่ากับความสบาย วิ่งแล้วตะเข็บชายกางเกงต้องไม่สีหน้าขาน่ารำคาญ การออกแบบเสื้อผ้าเพื่อออกกำลังกายของวิคก็คำนึงถึงการใช้งานมาก่อน แต่ความสวยงามก็มีผลในการจูงใจอยากทำให้ออกกำลังกาย ตอนนี้งานล็อตแรกของเขาเริ่มขายในเว็บไซต์แล้ว มีทั้งชุดโยคะ พิลาทีส วิ่ง ว่ายน้ำ เซิร์ฟ โดยเริ่มที่ผู้หญิงก่อน แล้วผู้ชายจะตามมาในอีกไม่นาน


V Activewear นี่ใส่แล้วจะเซ็กส์ไหมอ่ะ ไม่มีความโป๊เลยพี่ เพราะอันนี้เราไม่ต้องการขายเซ็กส์ หรือขายความเซ็กซี่ในการเล่นกีฬา เราต้องการขายความปลอดภัย วิคให้เพื่อนที่เป็นครูสอนพิลาทิสที่เป็นผู้หญิงช่วยลองใส่ แล้วถามเลยว่าก้มแล้วโป๊ไหม เห็นนมไหม ถ้าเห็นไม่เอา เดี๋ยวปรับให้ เราอยากขายฟังค์ชั่นมากกว่า เช่นผ้าต้องแห้งเร็ว ไม่คัน ขยับแล้วไม่รำคาญ ก้มแล้วต้องไม่เห็นนม  ดูแลง่าย ซักง่าย ใส่เข้าเครื่องซักได้ปกติ


ที่เล่นโยคะแทบทุกวันมาสี่ปี ตอนนี้เอาหัวปักพื้นแล้วหมุนๆ ได้หรือยัง ไม่ได้เรียนแบบนั้น ตอนนี้วิคเล่น Ashtanga แต่หัวปักนี่ก็เป็นท่าหนึ่งนะ ก่อนหน้านี้จะเล่นโยคะแบบอื่น แต่พอมาเล่น Ashtanga ปุ๊ป ชอบที่สุด ชอบมากจนติดแบบต้องเล่นทุกวันเลยอ่ะ จุดเด่นของ Ashtanga คือมันจะเล่น sequence เดิมทุกครั้ง ท่ามันจะเหมือนเดิมทุกครั้งที่เล่น แล้ววิครู้สึกว่าพอมันเป็นท่าเดิมเราจะมีสมาธิมากขึ้น เราจะต้องจำ sequence ได้ พอเราจำได้ปุ๊ป ทุกอย่างจะอยู่ในหัวเรา เราจะมีสมาธิในการเล่นเยอะขึ้น เล่นไปเล่นมาเรากลายเป็นคนใจเย็นลง ตอนนี้เล่นอย่างน้อยวันละชั่วโมงครึ่ง


ศาสตร์ของการออกแบบ activewear มันคนละเรื่องกับแฟชั่นในแง่ที่ว่าเสื้อผ้าหมวดนี้เป็นเรื่องฟังค์ชั่นมากกว่า แต่ความสวยงามก็สำคัญ แบบนี้มันจะเถียงกันจบที่ตรงไหน มันไม่มีเถียงกันจนจบหรอกพี่ แต่ตอนนี้วิคจะอยู่สตูดิโอโยคะทุกวัน วันละหลายชั่วโมง เราจะเห็นว่าคนส่วนมากใส่เสื้อผ้าแบบไหนในการเล่น พอเริ่มคุยกับเขาเราก็จะเริ่มรู้ว่าเสื้อแบบนี้ทำไมเขาไม่ใส่ อ๋อ เพราะเสื้อแบบนี้มันรำคาญเพราะมันหลวม เวลาทำเอาหัวทิ่มเสื้อมันลงมาคลุมหัวหมด แล้วพอมาเล่นเองมันก็จะรู้มากขึ้น จนกลายเป็นว่าทุกอย่างที่วิค concern คือการออกแบบที่ต้องใส่สบายเท่านั้นเลย ทุกอย่างที่ทำจะเอาไปลองใช้จริงก่อนที่จะมาขาย


สปอร์ตแวร์และแอ็คทีฟแวร์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือวัสดุ วิคไปหามาจากไหน วิคติดต่อหลายโรงงานมากกว่าจะได้โรงงานนี้ (ไม่เปิดเผยชื่อโรงงาน) เป็นโรงงานที่เขาทำให้พวกแบรนด์ (สปอร์ตแวร์) ใหญ่ๆ อยู่แล้ว เขาก็จะบอกได้ว่าผ้าแต่ละตัวคุณสมบัติเป็นอย่างไร พอได้คุยกับเจ้าของโรงงาน ก็พบว่าเขามีวิสัยทัศน์ที่เหมือนเรามาก คุยกันอยู่เกือบ 3 ชั่วโมง คุยเรื่องผ้าบ้าง เทคนิคการต่อผ้าบ้าง เขาคุยกับเรารู้เรื่องหมดเลย แล้วก็ถามเราว่า เฮ้ย ทำไมคุณรู้เรื่องพวกนี้ (เสื้อผ้ากีฬา) หมดเลย คุณเป็นดีไซน์เนอร์ ready to wear ไม่ใช่เหรอ วิคก็บอกเขาว่า อ๋อ ผมชอบอะไรอย่างนี้มากมานานแล้ว


เราเข้าใจดีว่าแบรนด์กีฬาดังๆ มันก็ผลิตอยู่ในเมืองไทยนี่ล่ะ แต่บริษัทใหญ่เขามีทีมวิจัยต่างๆ ตลอดเวลา เและการแข่งขันของตลาดนี้มันอยู่ที่เรื่องพวกนี้เลย วิคคิดว่าอย่างไร พวกวัสดุก็ให้ทางโรงงานช่วยหา บอกโรงงานว่าอยากได้ผ้าแบบนี้ หาให้หน่อย อะไรที่มันเป็นเทคโนโลยีดีๆ เราซื้อเลย  แล้ววิคเชื่อว่าคุณภาพมาอันดับหนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าเราเป็นคนเนี้ยบ และทำเสื้อผ้าเนี้ยบมาก่อน พอทำเสื้อผ้ากีฬาเราก็ติดเนี้ยบ เช่นวิธีเย็บ วิคดูแม้กระทั่งฝีเข็ม จนช่างที่โรงงานถามว่าจะทำไปเพื่ออะไร เดี๋ยวต้นทุนมันก็แพงขึ้นหรอก เราก็บอกเขาว่าไม่เป็นไร แต่เราเห็นแล้วมันสบายตา ขอเถอะ


การจู้จี้ช่างได้ขนาดนี้ อาจจะเป็นข้อดีของการที่เราผลิตไม่เยอะเท่าแบรนด์ใหญ่นะ แล้วอีกอย่างที่โชคดีคืออย่างที่บอก ว่าคุยกับเจ้าของโรงงานแล้ววิสัยทัศน์ตรงกัน เขาเลยบอกว่าเขาจะช่วยไม่ว่าจะหมดสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่กว่าจะปรับจูนกับโรงงานรู้เรื่องนี่ก็ 3 เดือนนะ ถามว่าเขาเกลียดเราไหม เขาบอกว่าเขาชอบ เพราะเขาทำอะไรน่าเบื่อมาทั้งชีวิตแล้ว พอมาเจอเราเขาก็ตื่นเต้นว่าเฮ้ย กูก็ทำอย่างนี้ได้เหมือนกันนะ


ส่วนไหนของร่างกายที่มีปัญหาในการออกแบบที่สุด เป้าของผู้หญิง เพราะว่ามันเป็นจุดที่ถ้าขยับจะมีการเสียดสีเยอะ ตะเข็บต้องดูดีๆ และด้วยสรีระแต่ละคน บางคนเนื้อเยอะหน่อยมันก็จะเบียดและทำให้เป้ายิ้ม ตรงอื่นไม่ค่อยมีปัญหาหรอก แล้วด้วยความที่เราทำเสื้อผ้าผู้หญิงมาก่อน เรื่องสรีระสัดส่วนของผู้หญิงเราค่อนข้างเห็นมาเยอะ เราก็เห็นปัญหาของผู้หญิง ว่าตรงไหนของผู้หญิงที่มันจะต้องซัพพอร์ท  หรือความยาวขนาดนี้มันไม่ได้เพราะมันจะไม่ปิดนม แต่ก็แก้อยู่หลายรอบเหมือนกัน วิธีแก้คือให้คนลองใช้แล้วแก้ไปเรื่อยๆ บางทีลูกค้าคอมเม้นต์ว่าเราสายยาวไป เพราะผู้หญิงแต่ละคนก็นมไม่เท่ากัน หรือเฮ้ย แบบนี้ใส่แล้วมันไม่เก็บหน้าท้องว่ะ มันก็คือปัญหาการออกแบบเสื้อผ้าที่เราก็ต้องหาทางแก้กันไป 


คนที่ใส่ชุดเล่นโยคะส่วนใหญ่เขาก็อยู่ในที่ปิด อย่างนี้เรื่องแฟชั่นมันจำเป็นขนาดไหน ผู้หญิงบางกลุ่มก็ต้องการแต่งตัวสวยไปฟิตเนสนะ แต่วิครู้สึกว่าคนใส่เสื้อผ้ากีฬาใส่เหมือนเดิมตลอด ขอแค่มีสีใหม่ลายใหม่ เปลี่ยนนิดเดียวโอเคแล้ว ถ้าเปลี่ยนเยอะก็ไม่เอานะ เพราะเขาจะรู้ว่า แม่งทรงนี้กูใส่แล้วไม่รอด แต่ละคนจะรู้เลยว่าสปอร์ตบราอย่างไหนเขาใส่ไม่รอด การออกแบบมันก็ต้องเป็นเรื่องของลายพิมพ์แล้วก็ดีเทลเล็กๆ ที่สำคัญ เช่นดีเทลของการต่อผ้าตรงบางจุด เพื่อให้มูฟเม้นท์ตรงนี้มันดีขึ้น หรือตะเข็บตรงนี้ไม่ควรมีเพราะว่ามันเจ็บเวลาขยับ แล้วคนที่ออกกำลังกายทุกวัน เสื้อผ้าออกกำลังกายมันจะสำคัญพอกับเสื้อผ้าที่ใส่ในชีวิตประจำวันเลยนะ อย่างวิคเองที่เล่นโยคะทุกวัน เรารู้เลยว่าเสื้อผ้ากีฬาต้องมีเท่าเสื้อผ้าที่ใส่ไปเที่ยวเลย เพราะตื่นมามันก็ต้องใส่แล้ว


ต้องมีเรื่องเทรนด์เข้ามาเกี่ยวข้องแค่ไหน เอาจริงๆ ทำตอนแรกก็เครียดอยู่ เพราะแต่ก่อนไม่เคยเดินโซนเสื้อผ้ากีฬาไง ช่วงเราทำ Vickteerut เราดูแต่ตลาดเสื้อผ้า ready to wear พอมาดูเสื้อผ้ากีฬาเราก็แบบ เฮ้ย! มันก็มีเยอะกว่าที่เราคิดไว้เยอะว่ะ แล้วไหนจะร้านใน IG อีก สุดท้ายเราก็เลยเอาตัวเองเป็นหลัก ว่าเราอยากให้คนใส่อะไรมากกว่า จะให้ไปตามเทรนด์มันก็ไม่ได้ เพราะเรารู้สึกว่ามันต้องเป็นสิ่งที่เราอยากทำจากข้างใน เพราะถ้าแบบมันดูไม่เป็นตัวเรา brand identity มันก็จะไม่ชัด ส่วน identity ของเราที่ตลาดไม่มี คือพวก tailor detail หรืออะไรที่มัน slick คลีน คม เนี้ยบๆ มีความเป็น shape and form 


ก็เลยมองว่าตอนนี้ชีวิตมันสบายขึ้นเยอะ แล้วกีฬาแต่ละชนิดมันมีรูปแบบเสื้อผ้าที่ตายตัว เราก็เอาความเป็นเรามาปรับใช้ แล้วดูว่าตัวนี้มันตอบโจทย์การใช้งานหรือเปล่า ไม่ต้องมาห่วงว่าอันนี้มันไม่ใหม่ อันนั้นมีคนทำแล้ว เพราะตอนเราทำ Vickteerut นี่มันไม่มีฟังค์ชั่นเรื่องความสบายเกิดขึ้น มึงใส่แล้วสวยเป็นพอ บางชุดนี่ boning (ใส่โครงกระดูกงู) ดามจนตัวแข็งกันไปหมด แต่ถ้าอยากสวยมึงก็ต้องอดทน แต่งานนี้ไม่ได้เลย


แล้วข้อดีอีกอย่างคืองานนี้ไม่ต้องมีซีซั่น ไม่ต้องออกคอลเลคชั่นใหม่ทุกสามเดือน หกเดือน ระบบการตลาดคือขึ้นอยู่กับเราหมด เรื่องการตลาดตอนนี้หลักๆ คืออยากให้คนเล่นกีฬาจริงๆ ใส่ เพราะอยากได้ฟีดแบ็คมาก ว่าคุณภาพมันโอเคไหม ไม่ใช่เราคิดคนเดียวว่ามันโอเคมันดี อยากให้คนที่เขาเป็นมืออาชีพกว่าเราใช้แล้วเขาฟีดแบ็คกลับมา ซึ่งตอนนี้พอเป็นครูเราก็จะรู้จักพวกครูมากขึ้น เหตุผลหนึ่งที่ไปเรียนเป็นครูเพราะว่ามันเอามาต่อยอดในการทำเสื้อผ้ากีฬาได้ด้วย วิคเป็นคนที่ถ้าไม่ professional ด้านไหนก็จะไม่ทำงานด้านนั้น


พออยู่ในโลกของคนเล่นกีฬาเป็นอย่างไรบ้าง ก็หมือนทุกที่แหละ ก็คุยกันเรื่องทั่ว เรื่องออกกำลังกายก็คุย เรื่องไร้สาระก็คุย แค่ท่าตอนคุยจะเป็นอารมณ์นั่งยืดตัวหรือดัดตัวคุยกันไปด้วย นั่งจับกลุ่มกันได้สักพักหนึ่งทุกคนก็จะเริ่มเลื้อย จับขานี้ยืดไปทางนี้แล้วก็คุย ก็ตลกดี

 

4. วิคก่อนจะเริ่มเป็นดีไซน์เนอร์


พอจบ ป.6 วิคก็ไปเรียนที่ออสเตรเลีย 5 ปี / ตอนเรียน ม.ปลายที่ออสเตรเลีย วิคเลือกเอก Fine Arts และคอมพิวเตอร์เพราะเขาชอบวิชาคณิตศาสตร์เป็นพิเศษ และเรียนได้ดีจนติดท็อปทุกปี / จบไฮสคูลก็ไปต่อพื้นฐานศิลปะที่อิตาลี 1 ปี ก่อนไปสอบเข้า Central Saint Martins ในลอนดอน และจบด้วยเกียรตินิยมในปี 2004 / ระหว่างเรียนอังกฤษ วงการแฟชั่นไทยก็แว่วชื่อของวิคกันแล้วว่าเก่ง / ELLE Fashion Week รีบคว้าตัววิคมาทำคอลเล็คแรกในฐานะ Young Designer ในปีที่วิคเรียนจบทันที / แม้จะเป็นดีไซน์เนอร์ใหม่ ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี กับงานคอลเล็คชั่นที่มีโครงเฉียบคม มินิมัล  แค่คอลเล็คชั่นแรกก็ได้ buyer จากญี่ปุ่นติดต่อไปขายแล้ว


งงตรงที่วิคบอกว่าเก่งเลข เห็นดีไซน์เนอร์ส่วนใหญ่จะตกเลข ที่จริงมันช่วยเรื่องการออกแบบมากนะพี่ โดยเฉพาะตอนเรียนแพทเทิร์น เพราะมันทำให้เรามองแพทเทิร์นขาด เวลาคำนวณความยาวพวกเส้นต่างๆ เราจะเร็วมาก มองแล้วจะรู้ว่าอะไรประกบกันได้ จะสามารถจินตนาการแพทเทิร์นเป็นสามมิติได้เลย หลักของแพทเทิร์นจริงๆ มันง่ายมากเลยพี่ มันคือเส้นทุกเส้นประกบกันแล้วต้องเท่ากัน ไม่ว่าเส้นพวกนั้นจะอยู่ในโครงสร้างไหนก็ตาม วิคเป็นคนที่ตอนสเก็ตช์ชุดจะคิดหมดว่าเส้นนี้ไปต่อข้างหลังตรงนี้นะ ตะเข็บตรงนี้ต้องต่อตรงนี้ ตะเข็บตรงนี้ต้องไม่มี คือเราจะคิดให้ช่างหมดเลย คือช่างแพทเทิร์นดูสเก็ตช์ปุ๊ปทำได้เลย


เพราะแบบนี้หรือเปล่า งานของวิคถึงได้มีความเป็นความเรขาคณิต คงเพราะเป็นความเนิร์ดคำนวนคณิตของเราซะเยอะ

 

V Activewear เริ่มขายออนไลน์แล้วที่ www.vactivewear.com

bottom of page