top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

ภูมิ วิภูริศ: สัมภาษณ์สั้นๆ สำหรับคนที่ป่านนี้แล้วยังไม่รู้จัก

สำหรับคนที่ตอนนี้ยังไม่รู้จัก ภูมิ วิภูริศ รายละเอียดมีดังนี้: เขาอายุ 23 ปี เป็นคนตัวสูง ยิ้มกว้าง เหมือนมีเชื้อฝรั่งแต่เขาบอกว่าไม่มี ภูมิเติบโตที่นิวซีแลนด์ เพิ่งกลับไทยได้สี่ปี เพิ่งเรียนจบสาขาภาพยนตร์ที่มหิดลเมื่อสองเดือนที่แล้ว และเมื่อปีที่แล้วเฃาออกอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกกับค่ายเพลงอินดี้ชื่อ Rats Records มีเพลงฮิตชื่อ Lover Boy ที่โด่งดังในหลายประเทศ

เพราะเป็นภาษาที่เขาใช้แต่งเพลงได้ถนัดกว่า ภูมิจึงร้องและแต่งเพลงเป็นภาษาอังกฤษ เขาเป็นศิลปินไทยที่มีงานคอนเสิร์ตนอกประเทศมากกว่าบ้านเกิด และพอส่องอินสตาแกรมเขา ก็ดูเหมือนคอนเสิร์ตในต่างประเทศจะมีคนดูเยอะกว่าในไทย ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะเพลงเป็นภาษาอังกฤษทั้งอัลบั้ม

ภูมิเริ่มป๊อปขึ้นเรื่อยๆ ในเกาหลี ที่ๆ เขาไปเล่นบ่อย แต่ตอนนี้ (เดือนพฤศจิกายน) ภูมิกำลังทัวร์อเมริกา เมื่อเดือนที่แล้วเขาก็เพื่งไปทัวร์ยุโรปหนึ่งเดือน มีตารางการเล่นแบบแทบไม่เว้นวัน บางวันก็เห็นเล่นในสถานทีในตำนานที่วงในตำนานเคยเล่น น่าภาคภูมิใจจริงๆ

แต่พอเห็นตารางที่เขาต้องข้ามไปประเทศนั้นนี้ทุกๆ สามวันแล้วเหนื่อยแทน ซึ่งก็ไม่รู้จะไปเหนื่อยแทนเขาทำไม เพราะดูภูมิกำลังสนุกกับการออนทัวร์ ปีนี้ดูเป็นปีที่เขาโตเร็วมาก

 

สัมภาษณ์: จีรพัฒน์ ยอดนิล @geeraplussssss ภาพ: กรกฤช เจียรพินิจนันท์ @kornkritj

ภูมิ วิภูริศ @phumviphurit

 

TW: ต่อไปเราจะเอาคำถามจากนิตยสารดังๆ ที่เขาเคยใช้ถามศิลปินระดับโลก มาใช้ถามภูมินะครับ จะไม่บอกว่านี่เป็นคำถามที่ใช้ถามใคร แต่มีซองคำถามให้เลือกสองซอง เอาเบอร์ไหนครับ Phum: ซองเบอร์หนึ่งครับ

เคยมีจินตนาการวัยเด็กไหม ภูมิอยากมีห้องที่มันเต็มไปด้วยลูกบอลที่เป็นพลาสติกครับ

เวลาอยู่กับคนรัก คุณเคยห่วงเรื่องที่ต้องทำตัวเป็นเจ้าแห่งเซ็กส์ตามภาพลักษณ์ที่เขาคาดหวังไหม ไม่นะ

คิดอย่างไรกับภาพโป๊เปลือย มันก็…มันก็เป็น another art form ครับ ไม่รู้จะตอบยังไง

เคยมีเซ็กส์ในโบถ์ไหม โนววว ไม่เคย

มันยากไหม กับการที่เป็นหนึ่งในคนดังที่สุดในโลก ที่ต้องโดนจับตามองตลอดแบบนี้ ไม่นะ ก็ภูมิไม่ได้เป็นคนที่ดังที่สุดในโลก

แล้วถ้าสมมติว่าเป็น ภูมิจะตอบคำถามนี้ยังไง ภูมิว่ายิ่งมีชื่อเสียงยิ่งไม่ควรจะอยู่แต่ในโลกของตัวเอง ยิ่งจะต้องเปิดกว้างให้มาก

คิดว่าซองนี้เป็นคำถามสำหรับใครครับ ภูมิเดาว่ามาดอนน่าละกันครับ

ถูกครับ เก่งมาก ทีนี้มาคุยเรื่องชีวิตกันบ้าง เอาปัจจุบันก่อน ภูมิคิดว่าการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มันลำบากไหม สำหรับตัวภูมิเองว่าไม่นะครับ ภูมิรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คือไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ แค่มีแค่นี้ แค่ได้เล่นดนตรีในบ้านเรา พอยิ่งตอนนี้ได้ไปเล่นที่เมืองนอกอีกมันก็ค่อนข้างล้นแล้ว มันยิ่งกว่าพอซะอีก


ตอนแรกเคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไหมครับ ไม่เคยเลยครับ อาจจะเคยฝันว่าถ้าวันนึงเราได้ไปมันคงจะแฮปปี้คงสนุกดี ซึ่งสิ่งนี้มันมาเร็วกว่าที่คิดเยอะเลย

ปีนี้ดูจะเป็นปีที่ภูมิได้ทำอะไรเยอะมาก ถึงตอนนี้มีอะไรที่ไม่ได้อยากทำแต่ต้องทำบ้างไหม ต้องสอบใบขับขี่ให้ได้ครับ คือมันต้องทำ ภูมิอายุ 23 แต่ยังขับรถไม่เป็นเลย ที่จริงขับได้แต่อย่าขับเลยดีกว่า ตอนนี้ยังไม่มีเวลาไปเรียนขับรถจริงๆ คงเป็นเพราะการใช้ชีวิตอยู่หอมหิดลมันไม่จำเป็นต้องมีรถ เพราะนั่งมอเตอร์ไซค์ไปยี่สิบบาทก็ถึง แล้วตอนเข้าเมืองภูมิก็ไม่อยากขับรถเท่าไหร่เพราะรถมันติด และนี่คือสิ่งไม่ได้อยากทำแต่จำเป็นต้องทำจริงๆ 


คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกไหม ไม่ได้มองว่าตัวเองมองโลกในแง่บวกหรือว่าแง่ลบนะครับ ภูมิก็มองโลกอย่างนี้ คนเราโตมาแบ็คกราวด์ไม่เหมือนกัน แต่เพราะแอดติจูดที่ภูมิมีอาจจะทำให้คนอื่นมองว่า “เฮ้ย ทำไมน้องเค้ามีพลังด้านบวกจัง” แต่ภูมิว่าตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างกลางๆ นะครับ ไม่ได้แบบว่ามองคนเป็นแง่ลบหรือแง่บวก


แล้วเรื่องแบบไหนที่ทำให้รู้สึกหดหู่บ้าง ปัญหาในโลก คนทะเลาะกัน สงครามซีเรีย เวลาภูมิอ่านข่าวพวกนี้ก็จะรู้สึกว่าดาร์กจัง และทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้อยู่ในประเทศที่สบายอย่างเมืองไทย


ถ้าเกิดอยู่ในวันที่เศร้าที่สุด ซาวด์แทร็คในชีวิตของภูมิจะถูกเปิดด้วยเพลงอะไร คงจะฟัง Bob Marley เพลง Everything Gonna Be Alright ถ้าเศร้าภูมิไม่ฟังเพลงเศร้าแน่นอน มันจะทำให้ยิ่งแบบ--โอยไม่ไหวแล้ว ภูมิจะเลือกฟังศิลปินที่เพลงให้ความฟีลกู๊ด เช่น Bob Marley, Sticky Fingers, Mac Demarco, Earth Wind & Fire


แล้ว Taylor Swift ล่ะ ภูมิชอบ Taylor Swift มาก ตั้งแต่ยุค You Belong with Me, Speak Now จริงๆ ภูมิมีเพลงอยู่ในไอพอดเก่าแต่ไม่เคยบอกใครว่าภูมิฟัง


ถ้าคานเย่ เวสต์บุกขึ้นมาบนเวทีภูมิแบบนั้นบ้าง จะตอบไปว่าอะไร ก็คงแบบ-- “OK! cool!” จริงๆ ภูมิก็อยากเจออะไรแบบนั้นบ้างนะ เพราะเราก็เป็นคน open ทุกวันนี้ในยูทูปก็มีคนมาคอมเมนท์ในเพลงภูมิว่า “ไม่เห็นจะดีเลย” ภูมิก็โอเค ภูมิมองว่าถ้าเขาได้ระบายตัวเองแล้วเขาแฮปปี้ภูมิก็โอเค อย่างน้อยเขาก็ได้ระบาย


เหมือนถังขยะเหรอ ใช่ ภูมิรู้สึกว่า OK. I can take that hate

คุยถึงอนาคตบ้างดีกว่า ภูมิดูเป็นคนใจดีมากเลย ในอนาคตมีแผนจะทำตัวเกเรบ้างมั้ย เป็นแบบ John Mayer ไรงี้ ที่ตอนแรกก็มาใสๆ แบบภูมิ แต่ตอนหลังนี่...ก็อย่างที่เห็น (ขำจริงจังมาก) แบบ bad boy ใช่มั้ย มันตอบไม่ได้เพราะมันเรื่องในอนาคตครับ แต่ภูมิว่าภูมิคงไม่เปลี่ยนไปกว่านี้มาก มันคงยาก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับต้องลองสัมภาษณ์ภูมิปีหน้า


ปีหน้านี่อาจจะสักเต็มตัวมาเลยก็ได้ แล้วตอนนี้มีรอยสักบ้างมั้ย ไม่มีครับๆ


ถ้าสักอยากจะสักรูปอะไรครับ คงเป็นแบบวินเทจๆ แต่แม่กับยายคงฆ่าเลยครับถ้าสัก ที่บ้านนี่ขออย่างเดียวเลยคือห้ามสัก

ใครคือ Lover Boy Lover Boy คล้ายๆ ว่าเป็นแฟนตาซีของภูมิครับ มันเหมือนการพยายามจะล้อตัวเอง ว่าเราพยายามจะเป็นคาสโนว่า ภูมิเล่นกับคอนเซ็ปท์ที่ว่าจริงๆ แล้ว Lover Boy มันไม่ใช่ตัวภูมิเองโดยตรง มันคล้ายๆ เป็นความฝัน ว่าพ่อหนุ่มคนนี้ที่กำลังอยากจะแฮปปี้ อยากจะวิ่งตามความรัก อยากจะเป็นคนที่โอเคแล้วเรื่องความรัก แต่ความจริวแล้วข้างในเรายังไม่โอเคและต้องใช้เวลา


มี Lover Boy แล้ว ในอนาคตจะมีเพลงชื่อ My Bitch บ้างมั้ย ก็เป็นไปได้ครับ


เพลงอะไรของภูมิในตอนนี้ที่เล่นแล้วเกิดปฏิกิริยาต่อตัวเองมากที่สุด น่าจะเป็น Long Gone นะครับ ภูมิเอาไว้เล่นปิดทุกโชว์ คือมันเป็นเพลงที่ไม่ว่าเราจะเล่นมากี่ครั้ง การได้เล่นกับทุกคนในวงมันจะเหมือนการได้แจมกัน มันจะมีท่อนที่ให้แต่ละคนโซโล่ มันสนุกมาก ทุกครั้งที่เล่นมันจะไม่เหมือนกันซักครั้งเลย อย่างเวอร์ชั่นในยูปทูปมันจะมีความ mellow แต่เวอร์ชั่นเล่นสดภูมิจะเรียบเรียงใหม่ให้มีความเป็นฟังก์มากขึ้น อัพ tempo ให้เร็วขึ้น ล่าสุดเอาไปเล่นที่เกาหลีแล้วเห็นคนโยกเป็นเวฟครั้งแรก มันรู้สึกสนุกมากเลยครับ

ตอนนี้ ‘ภูมิ วิภูริศ’ ถูกจัดอยู่ในแนวดนตรีประเภทไหน (คิดอยู่นาน) คนอาจจะมองว่าดนตรีที่ภูมิทำตอนนี้เป็นแบบ Neo Soul ใช่ไหมครับ แต่ถ้าเป็นตัวภูมิเองน่าจะเรียกว่าอาวองการ์ดละกันครับ เพราะว่าเราไม่ได้เป็นคนที่มีฟอร์แมต ภูมิรู้สึกว่าพอเราฟังดนตรีหลายแนวมากเกินไป เราไม่ได้ identify ว่าเราจะทำดนตรีแบบ Neo soul ตลอดไป ก็เลยเรียกว่าอาวองการ์ดดีกว่า ดูเป็นอวกาศดี


ภูมิคิดว่าความเป็น professional ของโชว์มันควรจะต้องมีอะไรบ้าง ภูมิว่าต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วมด้วย แต่ก่อนภูมิจะเป็นคนที่เล่นดนตรีแบบ perfectionist มาก ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าเวลาเล่นไม่ดีมันจะรู้สึกแย่กับตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้เวลาภูมิกลับไปมองตัวเองเล่นสด ก็จะโฟกัสว่าคนดูของเราเอ็นจอยรึเปล่า ? เขามีความสุขมั้ย การได้เห็นตัวเองยิ้มในโชว์และได้เห็นคนดูยิ้มในโชว์ไปด้วยมันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สนใจการเล่นดนตรีของเราแล้วนะ แต่มันต้องให้คนแฮปปี้มันถึงจะเป็นอะไรที่ professional มาก จบ.

bottom of page