top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

คิทตี้ ชิชา "พอแรงคนก็หาว่าแร่ด พอซอฟต์คนก็หาว่าตอแหล”


ยาฆ่ามดยี่ห้ออาทหาซื้อยากสักหน่อย แต่ดีมาก


มันเป็นอาหารเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าเม็ดทราย ที่พอโรยลงกลางขบวนมด หมู่มดหน้าโง่ก็จะรุมตอม แล้วเมื่อกลุ่มแรกหลงผิดคิดว่าเป็นอาหาร (อาจจะคิดว่าเป็นน้ำตาลไอซิ่งสีสวยโรยหน้าขนมเค้ก) มันก็ออกอาการตื่นเต้น วิ่งลิงโลดสวนขบวนไล่แตะหนวดพรรคพวกส่งสัญญาณชี้พิกัดภัตตาคาร ไม่เกินสิบนาที เหล่ามดงานก็รวมไพร่พลโง่ๆ ของพวกมันได้หนาตา แล้วช่วยกันลำเลียงความตายเข้ารังอย่างแข็งขันและมูมมาม ผมไม่ได้ตามไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นในนั้นบ้าง แต่สามชั่วโมงต่อมาอาหารก็หายไป และมด...ก็หายไปด้วย ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า


ผมเล่าสรรพคุณนี้ให้คิทตี้ฟัง เธอจึ๊ปากหนึ่งทีเป็นการตำหนิความเลือดเย็นของผม ซึ่งผมว่าไม่แฟร์เท่าไหร่ เพราะเมื่อกี้ตอนที่ฟังเธอเล่าพล็อตซีรี่ส์เรื่อง “เด็กใหม่” ผมก็ว่ามันคล้ายกัน

แนนโน๊ะย้ายเข้าไปเรียนโรงเรียนไหน โรงเรียนนั้นก็ฉิบหาย


ตอนนี้ ซีรี่ส์เด็กใหม่ออกอากาศทางช่อง GMM25 ไปแล้วหกตอนจากสิบสามตอน และผลตอบรับก็ทำให้คิทตี้เป็นดาวดวงใหม่ (อีกครั้ง) ที่มาแรงที่สุดตอนนี้

 

คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล @kiitychicha สัมภาษณ์ โดย พงษ์สรวง @dudesweetworld ถ่ายภาพ โดย เบญญา เฮเกนบาร์ธ @benyahegenbarth สไตลิสต์ อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ @pamelapowder_rei แต่งหน้า-ทำผม โดย Jeffry Baum @jeffreybaum เสื้อผ้า: Vickteerut @vickteerutofficial

 

เธอว่าเป็นผู้หญิงสมัยนี้ลำบากไหม เราว่าลำบากนะพี่ ทำตัวแรงคนก็หาว่าแรด ทำตัวซอฟต์ไปคนก็หาว่าตอแหล เราว่ามันหาตรงกลางยากมาก ว่าจุดยืนเราจะอยู่ตรงไหน


แล้วคนเขาหาว่าเธอแรงไหม? ก็หาว่าเราแรง ไม่ต้องมามองหน้า คุณก็คิด


เราเคยดูสัมภาษณ์ โจแอน ริเวอส์ เขาพูดไว้ว่า เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดี พอมีอายุนี่ลำบาก มันลงยากเนอะ


เคยคิดถึงตัวเองตอนแก่บ้างมั้ย ไม่อ่ะ เราคิดว่าเราไม่น่าอยู่ถึง ห้าสิบก็น่าจะเก่งแล้ว


ถ้าอย่างนั้น เธอคิดเห็นอย่างไรบ้างในเรื่องนี้ มันก็เป็นเรื่องจริง แต่เราว่าไม่ใช่แค่ผู้หญิงหรอกพี่ มันก็ทุกคนแหละ ถ้าเราประสบความสำเร็จมากๆ พอถึงวันที่เราจะลงมา เราจะลงยังไงให้มันดี ไม่ใช่โดนคนไล่ลงมา มันก็คงเจ็บปวดไม่ใช่น้อย ที่วันนึงเราเคยอยู่ในจุดนั้น แต่ทำไมทุกคนถีบเราลงมาตรงนี้วะ แต่เราว่าคำว่าสวยหรือไม่สวยมันก็มองยากน่ะพี่ เราเชื่อว่าไม่มีใครแต่งตัวออกจากบ้านให้ไม่สวยหรอก ทุกคนคงคิดว่ามันดีแล้ว มันสวยแล้ว แต่มันไม่ถูกใจคนอื่นน่ะ ทำไงได้วะ


ใช่ เหมือนบางทีเดินไปแฟชั่นโชว์โนบราก็โดนด่า เออ ตอนนั้นเป็นไงบ้าง ก็โดนคนด่ามากมาย

แต่จริงๆ ก็ไม่ได้โนบรานี่ โชว์นั้นก็มีแปะ ใช่ๆ มันมีแปะ แต่ส่วนนึงเราว่าก็เพราะนัยยะของการเขียนข่าว ที่มันทำให้ทุกอย่างดูรุนแรงขึ้น ซึ่งบางทีเขียนผิดชีวิตก็เปลี่ยน เพราะหลายๆ คนก็ไม่ได้ดูรูปเลย แต่เห็นคนอื่นพูดถึงก็เข้าใจกันไปเอง ส่วนตัวเรา เรามองว่าในแฟชั่นโชว์มันปกติมากๆ แล้วเราก็ไม่ได้ใส่ชุดนี้ไปเดินซื้อข้าวมันไก่ประตูน้ำอะไรอย่างนั้น


แล้วแฟชั่นโชว์มันคือการพรีเซ้นต์ไอเดียในการออกแบบ ใช่ ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าจะถูกมานำเสนอในมุมแบบนี้ เพราะวันนั้นที่ไปเดิน ก็ไม่ได้เป็นฟินาเล่ หรืออะไรที่จะเพิ่มเรตติ้ง เราเดินโชว์ในฐานะนางแบบธรรมดาคนนึงเลย


ทำไมเธอถึงทำทุกอย่างที่ดาราไม่ควรทำ หมายความว่าไง

Vickteerut at Elle Fashion Week 2017

เธอสูบบุหรี่ เธอกินเหล้า แต่เราเป็นคนที่กินเหล้าน้อยมากๆ นะ หลายๆ ครั้งที่เราไปเที่ยวเราก็ไม่ได้กินเหล้าเลยทั้งคืน ในหนึ่งปีเราว่าเรากินเหล้าไม่ถึงขวดอ่ะ ถ้าคืนไหนไม่ดื่มก็ไม่ดื่มไปเลย ก็ทำเมาลมเนียนๆ ไป แต่ถ้าบางคืนรู้สึกเอ็นจอย conversation เอ็นจอยผู้คนที่อยู่ด้วย ก็ดื่ม แต่ส่วนใหญ่จะดื่มไวน์ ไม่ค่อยดื่มเหล้า


บทสนทนาแบบไหนที่เอ็นจอย ก็เรื่องทั่วๆ ไปแหละพี่ เรื่องหนัง เรื่องการทำงาน เรื่องการเมือง เราไม่ค่อยชอบ small talk เราชอบคนที่คุยกันแล้วมี topic อภิปรายร่วมกัน


คิดว่าจะเป็น role model ได้มั้ย ไม่อ่ะค่ะ


อ้าว แบบนี้แล้วคนที่เขาเป็นแฟนคลับคิทตี้ เขาควรจะคาดหวังอะไร เราก็หวังว่าเขาคงไม่คาดหวังอะไรมาก เพราะถ้าเขาคาดหวังเขาคงจะผิดหวัง คือเรามองว่าไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ถ้าคุณคาดหวังอะไร คุณจะผิดหวังแน่นอน ให้คุณคิดแบบนั้นไว้ก่อนเลย มันไม่มีใครเป็นซุปเปอร์ฮีโร่น่ะ ไม่มีใครทำให้เหนือความคาดหวังของทุกคนได้หรอก บางทีความคาดหวังมันก็ทำร้ายคนที่คุณชื่นชอบด้วยซ้ำ

คิทตี้ก็อยู่ในวงการบันเทิงมานานเหมือนกัน ไม่อยากดังเหรอ เราก็ยังยืนยันตัวเอง ว่าไม่ได้อยากเป็นดารา เราอยากเป็นแค่นักแสดงพอ เราก็ไม่ได้อยากเป็นคนที่ทุกคนมาชื่นชอบชื่นชมขนาดนั้น มีคนติดตามชีวิตตลอดเวลาว่าเป็นยังไง เพราะเราก็ไม่มีตัวอย่างที่ดีจะให้ใคร ชีวิตเราเองก็พินาศใช้ได้ อย่างเช่น เราไม่ใช่คนที่จะไปรณรงค์งดสูบบุหรี่ได้แน่ๆ ซึ่งเราก็รู้ตัว และไม่อยากโกหกใคร ซึ่งถ้าเราจะเป็นดารา อยากจะเป็นคนที่ดังจริงๆ เราอาจต้องยอมทิ้งทุกอย่างที่เป็นตัวเอง เพื่อที่จะไปอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า? แต่เรารู้ว่าเราไม่อยากทำ เรายังอยากมีชีวิตที่มีความสุขทุกวันอยู่ อยากปาร์ตี้บ้าง เที่ยวบ้าง แล้วเราก็ไม่ใช่คนที่อยากจะรักษาภาพลักษณ์ตัวเองตลอดเวลา


อกหักบ่อยไหมนี่ บ่อย อกหักตลอดเลยเนี่ย


ทำไมล่ะ คาดหวังเหรอ เราเป็นคนทุ่มเทกับความรัก เราเป็น fighter เราสู้จนนาทีสุดท้ายที่มันไม่เหลืออะไรให้สู้เลยนะ


แล้วทำอย่างไรเวลาอกหัก ก็ปิดประตูห้อง ขังตัวเอง ร้องไห้ไปเรื่อยๆ


ไรเนี่ย นึกว่าจะสตรอง มันไม่ต้องมีคนเห็นในช่วงเวลานั้นไง ไม่ต้องโพสต์ให้ใครรู้ ร้องจนไม่มีอะไรเหลือแล้วค่อยออกมา ซึ่งพอออกมาคนก็จะคิดว่าเราสตรอง ซึ่งก็ใช่ เราสตรองแล้วล่ะ เราเอาอยู่แล้ว เราถึงได้ออกมาได้

ความรักนี่มันสำคัญแค่ไหน เรามองว่ามันสำคัญมาก เราว่าในชีวิตของคนเรา ทุกอย่างจะมีความหมายขึ้นมาก็ต่อเมื่อคุณมีใครให้แชร์


เหรอ? อ่ะ สมมุติว่าอย่างพี่อ่ะ สมมุติว่าพี่จัดปาร์ตี้ Dudesweet คืนนึง แล้วแม่งสำเร็จมาก ถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีใครให้แชร์เลย ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีใครเลย เราว่ามันคงเศร้านะ มันคงเหงามากอ่ะ


ไม่รู้สิ ปกติพอเรากลับถึงบ้านเราก็นอน ไม่เห็นเป็นไรเลย อ่ะ ก็แล้วแต่ แต่เราว่ามันสำคัญที่คนเราจะมีใครสักคน ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแฟนหรืออะไร จะเป็นพ่อแม่ เพื่อน หรือญาติพี่น้อง หรือลูก ใครสักคนที่เป็นเหตุผลที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป ใครสักคนที่เป็นเหตุผลให้เราอยากจะทำสิ่งดีๆ อยากจะทำอะไร หรืออยากจะประสบความสำเร็จให้เขาเห็น


เหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวเองเหรอ เราอาจจะไม่ได้อยากพิสูจน์ตัวเอง แต่เราอยากจะมีคนที่ภูมิใจกับเรา ว่าความเหนื่อยทั้งหมดที่เราเสียไปและทุ่มเทไป มันแค่...มันแค่มีคนๆ นึงที่บอกเราว่า เฮ้ย เก่งมาก เราก็ดีใจแล้ว


ที่บ้านคิทตี้เขาว่าอย่างไรบ้าง ที่บ้านเราไม่ยุ่งเรื่องงาน


เขาดูไหม ไม่ดู เขาสนใจแค่ว่าเรายังใช้ชีวิตได้ ยังไม่ตาย มีปัญญาเลี้ยงดูตัวเองต่อไปเขาก็โอเค ก็ถือว่าดีแล้ว แต่บางทีก็มีฟี้ดแบ็คจากเพื่อนแม่ มาบอกว่า เนี่ย แม่เขาภูมิใจนะ แต่บางทีเขา [แม่] ก็ไม่ได้พูดเอง แต่แค่นี้เราก็รู้สึกว่าทั้งหมดที่ผ่านมามันเมคเซนส์


ฟังแล้วก็เหงาว่ะ ยุคนี้มันเป็นยุคที่ไม่ควรหาแฟนยากนะ เพราะ app ก็มีให้โหลดตั้งเยอะแยะ นี่ในเครื่องเราโหลดแม่งทุกแอ็ปแล้วก็ยังไม่มีเลยว่ะ อีกแป๊บจะซื้อกินให้แม่งรู้แล้วรู้รอด เออ เธอว่าโสเภณีควรเป็นเรื่องถูกกฏหมายไหม เราว่าควร อย่างแรกคือ มันจะได้มีการจัดการเรื่องอายุ ความเหมาะสมต่างๆ ไปเลย เคลียร์ๆ กันไป ผิดกฏหมายปุ๊บ จับแม่งหมด เพราะเราว่าการที่มันไม่ถูกกฏหมายแต่มันก็ยังมีอยู่ มันน่าเศร้ากว่าอีก และการที่เข้ามาควบคุมมันก็น่าจะดีขึ้น แต่เราคงต้องมองก่อนว่าแต่ละสังคมจะยังไง อย่างบ้านเราติดว่าเป็นเมืองพุทธ โสเภณีอาจจะไม่เหมาะสม ก็อาจจะเป็นคนละครึ่งทาง เช่นการนวดสปาให้ถูกกฏหมายเสียที แล้วคนที่ทำงานที่นั่นก็ให้ถูกกฏหมาย มี health care จริงจัง มีการตรวจโรคอย่างจริงจัง ในเมื่อเราไม่สามารถหนีมันได้ เราก็ควรจะต้องแก้ปัญหา


ให้เล่นเป็นโสเภณีเล่นได้มั้ย มันก็ต้องดูว่าเป็นโสเภณีแบบไหน เพราะสำหรับเรา คำว่าโสเภณีมันเป็น streotype มากๆ แล้วเราเชื่อว่าเขาไม่ได้เหมือนกันทุกคน บางคนก็อาจกำลังทำสิ่งนี้เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ถึงจะเป็นเรื่องแสน cliché เช่น พ่อแม่เป็นหนี้ แต่เขาก็อาจจะทำแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ บางคนอาจจะทำเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของตัวเอง ในขณะที่บางคนอาจจะทำเพื่อกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง เราตอบไม่ได้หรอก


มีบทแบบไหนที่อยากเล่นบ้าง อยากเล่นเป็นคนที่เคยมีชีวิต หรือยังมีชีวิตอยู่ เช่น อยากเล่นเป็นคุณหญิงแมงมุม


อ๋อ บทแบบชีวประวัติ ใช่ แล้วอยากรู้ว่าเราจะลอกเขาได้ขนาดไหน ซึ่งมันน่าสนใจมาก เพราะเขาบอกว่าการแสดงมันไม่ควรเป็นการลอก หรือการก๊อปปี้ใคร แต่ถ้าเราจะต้องก๊อปปี้เขาเพื่อจะเป็นตัวละครน่ะ เราจะทำได้ยังไง


อยากเล่นเป็นใคร คนที่อยากเล่นคนนึงคือ ฮิลลารี่ คลินตัน ช่วงที่เขาเลือกตั้งแข่งกับทรัมป์ เราว่าเดือด อีกคนที่สนใจคือ อองซาน ซูจี แต่ถ้าเมืองไทย อยากเล่นเป็นคุณหญิงแมงมุมจริง โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมา เราว่าชีวิตคุณหญิงนี่เดือดมาก ทั้งเข้าโรงพยาบาล เข้าไอซียู เราว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเล่า เข้าโรงพยาบาลหนักขนาดนั้น แล้วพอออกมา สวยเหมือนเดิม ดีเหมือนเดิม เก่งกว่าเดิม มันเจ๋งมาก เราว่ามัน inspiring มากๆ


แล้วละครเวทีล่ะ เคยอยากลองไหม อยากทำมาก เป็นหนึ่งอย่างที่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ แต่เราก็สนใจ เรารู้สึกว่า มันเท่ตรงที่มันไม่มีการคัต ไม่มีการช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น ถ้าตายก็คือตาย


ยอมอุทิศชีวิตให้บทขนาดไหน เราอุทิศให้มากๆ แม้ที่ผ่านมาเราอาจจะเจองานใหญ่ๆ แค่สองชิ้นในชีวิต แต่เป็นสองชิ้นที่เรารู้สึกว่า เออ เอาชีวิตกูไปเลยแล้วกัน นั่นก็คือเสียดาย แล้วก็มาเด็กใหม่ อย่างตอนเสียดายก็ทิ้งชีวิตไปหลายสิบเดือน ทิ้งให้อยู่ในสภาพเด็กติดยาที่สุด บ๊ายบายการออกกำลังกายทุกอย่าง เพื่อหาว่าเราจะกลับมาเป็นเด็กยังไง กินให้เยอะขึ้น ทิ้งไปกับมัน


สรุปว่าเสียดายที่ถ่ายเมื่อปีที่แล้วก็ยังไม่ได้ออกเสียที เห็นคุณหญิงแมงมุมเขาแจ้งในอินสตาแกรมว่าให้ไปถามช่องเอาเอง ตกลงมันยังไง เราก็ยังไม่ได้คำตอบ ถ้ามีใครไปถามบอกด้วย อยากรู้เหมือนกัน


ส่วนเรื่องนี้ (เด็กใหม่) เห็นบอกว่าจะไปฉาย Netflix อีกรอบ ทำไมเขาไม่ฉาย Netflix ไปทีเดียวให้มันจบๆ เวอร์ชั่นใน Netflix มันจะมีบางฉากที่ไม่เซ็นเซอร์ไงพี่ พวกฉากแรงๆ อย่างฉากที่ครูมีอะไรกับนักเรียนบนโต๊ะ


แล้วสรุปว่าแนนโน๊ะไม่ใช่คน ไม่ใช่คน แนนโน๊ะเป็นลูกสาวซาตาน เป็นงูพิษในสวนอีเด็น

การที่มีผู้กำกับเก้าคน มีวิธีควบคุมความต่อเนื่องของบุคลิคตัวละครอย่างไร เช่นพอผู้กำกับ A ทำงานเสร็จ ตอนต่อมาเปลี่ยนเป็นผู้กำกับ B แล้วเขาจะกำกับอารมณ์ได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ตั้งแต่แรก ก็มีทีมครีเอทีฟ และมีครูสอนแอ็คติ้ง แล้วผู้กำกับทั้ง 9 คน จะได้รับคลิปสัมภาษณ์แนนโน๊ะไป เป็นคลิปที่เหมือนตอบว่า เราทำอะไร ไม่ทำอะไรบ้าง หรือเรามีกิมมิคตรงไหนบ้าง เช่นเวลาคิดเราจะม้วนผมนะ อะไรแบบนี้ พอผู้กำกับเขาได้คลิปนี้ไป เขาก็จะไปตีความของเขามา และมีเวิร์คช็อปก่อนการถ่ายทำกับผู้กำกับแต่ละคน เช่นทำเวิร์คช็อปวันนี้ อีกสองวันถ่าย เราก็จะมีการมาจูนกัน ว่าอะไรที่ผู้กำกับให้เราทำแล้วมันไม่ใช่ หรือถ้าอะไรที่ผู้กำกับไม่อยากให้มันเป็น เขาก็จะคุยกับกับเรา กับทีมครีเอทีฟ แล้วก็แอ็คติ้งโคช

แต่ว่าในแต่ละตอนมันก็จะมีความต่างกันอยู่แล้ว คือเราจะไม่ได้เล่นเป็นตัวเดิม 100% ทุกตอน เพราะแนนโน๊ะมันจะมีสองด้าน คือด้านที่แนนโน๊ะกำลังทำการแสดงอยู่ กับด้านที่เป็นแนนโน๊ะจริงๆ ซึ่งส่วนที่เป็นแนนโน๊ะจริงๆ ทั้ง 13 ตอนจะเหมือนกันหมด แต่เลเยอร์ที่มันทำการแสดง หรือวิธีการที่มันใช้ในการเข้าหาคนเพื่อหลอกล่อ ก็จะต่างกัน ซึ่งอันนั้นก็เป็นส่วนที่ผู้กำกับสามารถสร้างได้ ว่าอยากให้มันออกมาเป็นแบบไหน เช่นให้เป็นคนดีของสังคม เป็นคนลึกลับน่าค้นหา หรือเป็นคนขี้อ่อยยังไง


แสดงว่ามีขั้นตอนเตรียมการที่ยาวมาก ซึ่งในส่วนนี้มีบริษัท SOUR เข้ามา เรารู้จักแต่ว่าเขาเป็นบริษัทโฆษณา ซีรีส์เรื่องนี้เขาเข้ามาทำอะไร เขาเป็นคนที่คิดโปรเจ็คต์ขึ้นมา และเป็นครีเอทีฟ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เรารู้สึกว่าระบบหนังหรือซีรี่ส์ของไทยยังไม่ค่อยมีตำแหน่งนี้กันเท่าไหร่ เขาจะเป็นคนคุมโทนโปรเจ็คต์ สร้างสรรค์โปรเจ็คต์ และคอยกำหนดให้ไดเร็คชั่นทุกอย่างเป็นไปตามที่เขามองภาพใหญ่ไว้ เช่นขณะที่ผู้กำกับกำลังกำกับอยู่ ทีม SOUR ก็นั่งดูจออยู่ด้วย เป็นเหมือนลูกค้าเลย เช่นบอกว่า อันนี้ชอบ อันนี้ไม่ชอบ ลองทำแบบนั้นได้ไหม


เหมือนถ่ายหนังโฆษณาเลย ใช่ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่า เวลาอะไรมันออกมา มันไม่ใช่คนๆ เดียวสรุป มันมีคนที่คอยดูภาพรวมให้ ว่าทุกคนจะไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมดนะ จะออกมาเหมือนกัน


ถ้าอย่างนี้ ในแง่นึง ผู้กำกับก็ไม่ได้เป็น The Boss อีกต่อไปแล้วสิ เรามองว่ามันเป็นการแชร์กันมากขึ้น มันเป็นหลายส่วนทำงาน ซึ่งสุดท้ายแล้วมันทำให้เห็นว่า มัน run ด้วยระบบจริงๆ หมายความว่า ถ้าจู่ๆ ผู้กำกับคนหนึ่งหายไป ไม่มาทำแล้ว ระบบนี้ก็ยัง run ต่อไปได้


ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะถ้าเกิดมันแป้กขึ้นมา มันก็ไม่ใช่ความผิดผู้กำกับทั้งหมด ใช่ มันมีหลายฝ่ายมาช่วยซัพพอร์ตกัน ถ้ามีคนไหนล้ม หรือคนไหนเกเรขึ้นมา โปรเจ็คต์มันก็ไปต่อได้


ทีมครีเอทีฟคงทำงานกันหนักมาก เท่าที่ทราบมา ทีมครีเอทีฟเขาอยู่กับโปรเจ็คต์นี้ก่อนเราเข้ามาเป็นปี เป็นคนคิด big idea ขึ้นมา ว่าเราจะทำซีรีส์ประมาณไหน เป็นคนไปตามล่าหาผู้กำกับ แล้วก็ดูแต่ละคนว่าเหมาะกับตอนไหน เพราะมันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ลากเขามาแล้วทุกคนจะทำ ทุกคนต้องรู้สึกว่าอยากเล่าเรื่องนี้ด้วย


แล้วเธอมาตอนช่วงไหน เขาเลือกมาตั้งแต่แรกหรือเปล่า ว่าจะทำเรื่องนี้และจะเอาเด็กคนนี้เล่น ไม่ๆๆ เราก็ไปแคสติ้งบท รอฟังผล ทุกอย่างมาตามปกติ ตอนที่เราเข้ามา รายชื่อผู้กำกับนิ่งประมาณ 70% แล้ว ตัวบทเสร็จ มีตารางการถ่ายทำหมดแล้ว

เข้าไปก่อนเขาจะเปิดกล้องกี่เดือน ประมาณเกือบสองเดือน ก็มีทั้งไปเวิร์คช็อปแยก คือเวิร์คช็อปเราคนเดียว ว่าทำยังไงให้ไม่เป็นคน เพราะแนนโน๊ะมันไม่ใช่คนใช่ไหมพี่ มันก็ต้องไปดูว่า ทำยังไงดีวะ ให้มันไม่เป็นคนที่สุด ทำยังไงให้คนเชื่อว่ามันไม่เคยมีชีวิตเลย แล้วมันก็ไม่เคยมองมนุษย์เท่าเทียมกัน ไม่สนใจว่าใครจะตาย เราจึงต้องคัดความรู้สึกแบบมนุษย์ออกไปให้หมด


เขาสอนวิธีคิดให้ไม่แคร์ว่าใครจะตาย หรือชีวิตจะเสียหายยังไง? เราต้องสร้าง mind set ใหม่ว่าเราเห็นคนเป็นมดเป็นปลวก ไม่ได้มีค่าอะไร ก็เหมือนพี่ที่กำลังจะกลับไปวางยามดที่บ้าน เพราะพี่ก็คิดว่ามันไม่ได้มีค่าอะไร มันมาแทะอาหารบ้านกู เราก็ต้องเปลี่ยนวิธีมองคนแบบนั้น แล้วเขาจะสอนว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราไม่ต้องไปยึดติดกับมัน ทุกการกระทำที่ทำกับร่างกายมันไม่ มีผลใดๆ ทำร้ายเรา เราก็ไม่เจ็บ ฆ่าเรา เราก็ไม่ได้ตาย ให้มองว่าร่างกายนี้มันไม่ได้ sync กับเราเลย เหมือนเราเล่นเกมอยู่ คือตัวเราอยู่ข้างนอก สบายดี แต่เราเล่นเกมตัวละครอยู่ แล้วช่วงที่เราทำงาน เราก็พยายามหยุดสังสรรค์ประมาณนึง เพราะเรารู้สึกว่าไม่อยากอยู่ใกล้คนเยอะ อยากอยู่ตัวคนเดียวมากกว่า


เมื่อกี้ที่บอกว่าอยากเป็นแค่นักแสดง ไม่ได้อยากเป็นดารา เราลืมถามว่าตอนนี้คิทตี้เรียกการแสดงว่าเป็นอาชีพหลักของตัวเองหรือยัง ตอนนี้เราก็ยังเรียกมันว่าเป็นพาร์ตไทม์มากกว่า คือเรารู้ว่ามันไม่ใช่อาชีพที่ฝากผีฝากไข้ได้ เช่นสมมุติว่าวันหนึ่งเราเจออุบัติเหตุขึ้นมา หน้าพัง คือมันมีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้อาชีพนี้ถูกยุติลงกลางคันได้ หรือถ้าวันหนึ่งทุกคนเกลียดเรา เราก็คงไม่สามารถทำอาชีพนี้ได้ แต่เราก็สนุกกับมันทุกครั้งที่เราได้ไปทำ

มี plan B ไหม ก็มีธุรกิจที่บ้าน มีงานเขียนบท


เขียนบทด้วยเหรอ? เราเคยเป็นที่ปรึกษาเขียนบทให้พี่ต้อม ยุทธเลิศ แล้วก็เคยไปลงเรียนคอร์สนี้มา คนที่สอนเขาจบด็อคเตอร์ด้านนี้มา แล้วถูกชะตากัน เขารู้สึกว่าเราน่าจะไปได้ไกล ก็เลยติวเข้มเรื่องการเขียนให้


อยากลองทำหนังไหม อยาก แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ เพราะเรารู้ว่ามันต้องใช้ประสบการณ์ เราอยากจะทำงานให้มากๆ ศึกษาให้มากๆ จนกว่าจะพร้อมทุกด้านแล้ว จนกว่าเห็นภาพแล้ว และรู้ว่าเราอยากจะเล่าอะไร และเรามีเรื่องจะเล่าแล้ว คือเราคิดว่าถ้าเรามีฐานที่แน่นมากๆ ถ้าเราล้ม ก็ไม่มีทางล้มลึกเท่าไหร่ แต่ถ้าเอาความบ้าระห่ำอยากทำอย่างเดียว เราว่าเวลาล้มมันเจ็บหนัก ตอนนี้ก็ยังศึกษาอยู่ทั้งการทำบทหรือการทำเบื้องหลัง


ตกลงแนนโน๊ะฆ่าตายมั้ย? ไม่ตาย ฆ่าไม่ตาย ทำร้ายไม่ได้ ทุกอย่างเป็นการแสดงหมด แต่มันก็จะมีบางตอน ที่มันมีความรู้สึกอื่นๆ ที่มันไม่คิดว่าจะค้นพบขึ้นมา

 

เด็กใหม่ ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 22.25 ทางช่อง GMM25 และจะฉายเวอร์ชั่นเต็มใน Netflix วันที่ 1 พฤศจิกายน ขอขอบคุณ ร้าน103-Bed & Brew เอื้อเฟื้อสถานที่

bottom of page