top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

จีน-คำขวัญ ผู้กำกับ MV และแฟชั่นวิดีโอหน้าใหม่ ที่ตอกย้ำให้วงการรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่มันไม่ธรรมดา

จีน-คำขวัญ ดวงมณี คือคนที่ทำ MV เพลง Lover Boy ของภูมิ วิภูริศ ที่ตอนนี้ 36 ล้านวิวแล้ว ใน MV นั้นเธอสามารถทำให้ชายหาดพัทยาบ้านเราฟีลออกมาเป็นหาดไมอามี่ไปได้ และอีกตัวที่โดดเด่นแต่คนละมู้ดกับ Lover Boy เลย คือ MV เพลง ดำสนิท ของฮิวโก้ ที่เธอสร้างบรรยากาศเผด็จการอึดอัดเหมือนนิยายเรื่อง 1984 และกำกับเด็กใน MV ออกมาได้ดีเชียว

แม้จะเป็นที่รู้จักเร็ว แต่เส้นทางการอาชีพของจีนก็ไม่ได้ต่างจากน้องใหม่ที่อยากเป็นผู้กำกับ เธอก็เริ่มจากฝึกงาน วิ่งพร็อบ ยกของ ตัดหนัง ทำเบื้องหลัง แบบที่ใครๆ ก็ต้องทำกัน อาจจะต่างตรงที่เธอไม่ได้เรียนสาขานี้โดยตรง เธอเรียนแฟชั่น แต่มามั่นใจตอนใกล้จบว่าตัวเองไม่ได้ชอบการออกแบบเสื้อผ้า ช่วงรอรับปริญญาจีนจึงไปสมัครเป็นผู้ช่วย แจน มัณฑนากร ผู้กำกับโฆษณาหญิงคนเก่งของไทย แล้วก็เริ่มพัฒนาความรู้ความสามารถตัวเองเรื่อยมา จนตอนนี้จีนมีทั้งงานโฆษณา มิวสิควิดีโอ แฟชั่นวิดีโอ ทั้งไทยและต่างประเทศ เมื่อไล่ดูงานที่ผ่านมาของเธอ ก็จะเห็นได้ว่าเธอกล้าคิดและสามารถนำเสนอไอเดียภาพแปลกๆ ได้ออกมาแล้วเวิร์ก ปีนี้เธออายุ 25 ปี เป็นผู้กำกับสาวดาวรุ่งอนาคตสดใสยาวไกล ที่พี่ๆ รุ่นใหญ่ก็ให้ความสนใจ ถือเป็นความภาคภูมิใจให้สาวๆ ในวัยเดียวกับเธอ ว่าคนรุ่นหนูก็เจ๋งนะเพ่

และในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเดือนสตรีสากล คอนเวิร์สชวนจีน ให้เป็นหนึ่งในตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่ของคอนเวิร์สในแคมเปญ “Love The Progress” ที่จะมาช่วยสร้างนิยามคำว่า “ผู้หญิง” ใหม่ เพราะหลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าในดิคชันนารีของหลายประเทศ นั้น ยังให้ความหมายของผู้หญิงว่าเป็นเพศรองจากผู้ชายอยู่นั่น พร้อมกับคอลเล็คชั่นพิเศษที่ออกแบบให้ส่งเมสเสจต่อเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลก

 

จีน คำขวัญ: @khamkwan สัมภาษณ์ โดย @Aomster ถ่ายภาพ ดย ปกฉัตร วรทรัพย์ @queen_pokkachat


บทความนี้สนับสนุนโดย @Converse

 

‘ผู้หญิง’ ในนิยามของจีนคืออะไร เป็นเพศที่มีสองมุม ภายนอกด้วยร่างกายเราอาจจะเป็นเพศที่ sensitive กว่า แต่พอถึงเวลาก็เป็นเพศที่เข้มแข็งได้ในเวลาเดียวกัน เข้มแข็งกว่าด้วยบางที 


งานผู้กำกับคืองานที่ต้องควบคุมโปรดักชั่นทั้งกอง แล้วทีมงานที่จะเป็นผู้ชายแทบทั้งนั้น ยากไหมกับการที่ต้องทำงานกับผู้ชายเสียเป็นส่วนใหญ่ จีนเป็นคนเข้ากับคนง่าย แล้วทีมที่ทำค่อนข้างน่ารัก เราก็จะนอบน้อม ไม่ได้ทรีตตัวเองว่าฉันเป็นผู้กำกับฉันจะหยิ่งอะไรแบบนั้น เพราะทำงานด้วยกันมันก็ต้องไปด้วยกันเราก็เลยไม่มีปัญหาตรงนั้น จีนว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคที่คนเราวัดกันที่ความสามารถแล้ว ก็อาจจะมีบ้างบางทีที่เราโดนลูกค้ามองว่าเราเด็ก อาจมีบางอย่างที่เขาแสดงออกมาแล้วไม่ปล่อยให้เราทำตามตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ครั้งหน้าเราวางตัวถูก ส่วนความได้เปรียบเสียเปรียบจีนว่ามันขึ้นอยู่กับตัวคนว่าคุณจะแสดงออกให้คนเชื่อได้มากแค่ไหน

มีงานไหนบ้าง ที่เคยคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ แต่ปรากฏว่าทำได้ งานที่เพิ่งออกเลยค่ะ คือวิดีโอของ Calvin Klein Asia ซึ่งเป็นแคมเปญวันสตรีสากล เขาเลยมองหาผู้กำกับผู้หญิง ซึ่งตอนแรกเขาจะใช้ผู้กำกับรุ่นใหญ่ แต่พอมาถ่ายที่ไทยแล้วถ้าต้องบินผู้กำกับรุ่นใหญ่มา ค่าใช้จ่ายมันเยอะ ส้มเลยหล่นมาที่เราเพราะเขาเปลี่ยนใจหาผู้กำกับที่รุ่นเด็กลงในไทยอยู่แล้ว ตอนหลังก็ไปถามลูกค้าว่าทำไมถึงเป็นเรา เขาก็บอกว่ามองเห็นคาแรคเตอร์ของจีน อาจจะมีคาแรคเตอร์ที่แมทช์กับแบรนด์ Calvin Klein วันแรกๆ ก็ประหม่ามากเพราะต้องใช้ภาษาอังกฤษล้วน แล้วเราพูดไม่ได้คล่อง ก็สื่อสารได้ผิดๆ ถูกๆ ออกกองวันแรกรู้สึกกลัวมากเพราะทีมเป็นชาวต่างชาติหมดเลย แล้วเพิ่งมารู้ว่าสไตลิสต์ที่มาทำให้คือรุ่นใหญ่มากจากนิวยอร์ก เป็นสไตล์ลิสที่ Calvin Klein ใช้ประจำ แล้วทุกคนในทีมก็ดูโตกว่าเราหมด ดูโปรเฟสชั่นนัลในการทำงานมาก ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราเป็นเด็ก แล้วจะทำยังไงที่จะพิสูจน์ว่าทำได้ เพราะโอกาสมันมาถึงแล้ว เราเลือกแล้ว เป็นงานที่ทุ่มเท ทุ่มใจ ก็คิดได้ว่าเป็นงานที่มีความหมายสุดๆ สำหรับจีนตอนนี้เลยค่ะ


ชอบงานผู้กำกับคนไหนบ้าง ถ้าผู้กำกับหนังก็จะมี ชอบเวส แอนเดอร์สันในแง่ art direction ที่สไตล์เขาชัดมากเลย ถ้าดาร์คๆ ก็จะชอบปาร์ค ชานวุค (Oldboy, The Handmaiden, Stoker) แล้วก็มี แดเรน อาโรนอฟสกี้ (Requiem for a Dream) และอีกคนที่ชอบคือ เดเมียน ชาเซลล์ ( La La Land, First Man, Whiplash) เพราะเขาดึงดนตรีมาผสมกับการเล่าเรื่อง

ที่พูดมานี่มีแต่ชื่อผู้กำกับชายหมดเลย นั่นสิ ผู้หญิงน้อยเนอะ ก็เลยยิ่งรู้สึกว่าเราก็ทำได้ แต่จีนว่าเดี๋ยวนี้ผู้กำกับมีหลายเพศมาก เป็นเกย์ก็มี อย่างซาเวียร์ ดอร์แลน เขาก็ทำงานเกี่ยวกับเรื่อง gender เราเลยรู้สึกว่ามันยิ่งต้องพิสูจน์ แต่สุดท้ายแล้วก็วัดกันที่ผลงาน บวกกับว่าอยากทำให้ผู้หญิงเป็นเพศที่ถูกจดจำในบทบาทที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ก็อยากพิสูจน์ตัวเองและให้คนเห็นด้วยว่าสุดท้ายมันไม่ใช่เรื่องเพศที่สำคัญ

มีการพูดเรื่องสิทธิสตรีในธุรกิจภาพยนตร์กันมาก จีนเห็นปัญหาอะไรในแวดวงของงานที่จีนทำไหม จีนว่าด้วยในอุตสาหกรรมนี้มันเป็นสายงานที่หนัก มีทั้งทีมกล้อง ทีมไฟ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เพราะเป็นงานที่ต้องใช้กำลัง มันก็เลยเริ่มต้นด้วยเพศชายเข้ามารันวงการก่อน แต่ปัจจุบันผู้หญิงก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ถ้าเทียบสัดส่วนกับผู้ชายมันก็ยังไม่เยอะอยู่ดี จีนคิดว่าการเป็นผู้ชายในกองถ่ายแล้วมีผู้หญิงก้าวมาเป็นผู้นำและต้องสั่งงานคนในกอง วิธีคิดของคนในกองก็ต้องกว้างพอที่จะให้เกียรติผู้หญิงด้วย ฉะนั้นจีนรู้สึกว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรมันต้องเริ่มต้นที่ทัศนคติของคนในวงการ คนในสายงานพวกเรานี่ล่ะค่ะ คืออยากให้ให้เกียรติและให้พื้นที่กับผู้หญิงในสายงานนี้มากขึ้น เพราะถ้าตัดเรื่องความแข็งแรงหรือรูปลักษณ์เปราะบางกว่าออกไป ในแง่ความคิดสร้างสรรค์หรือว่าความคิดอ่าน หรือภาวะผู้นำเราก็มีเท่ากับเพศชายเหมือนกัน

ผู้หญิงมักถูกตีกรอบด้วยคำว่า 'กลุสตรี' ที่กำหนดว่าผู้หญิงที่ดีควรทำตัวอย่างไร จีนคิดว่าค่านิยมนี้ควรปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง เอาตรงๆ จีนก็เป็นเหมือนกัน ตอนเด็กๆ คำหยาบยังไม่กล้าพูดเลย แต่พอโตขึ้น ยิ่งเราทำงานในสายนี้มันก็ทำให้เราเปลี่ยนไปมากๆ เพราะพอเราต้องเจอผู้คนเยอะ เราก็ต้องกล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ แล้วการวางตัวในสถานการณ์ต่างๆ จีนไม่ได้รู้สึกว่าต้องมาทำตัวเป็นเหมือนผ้าที่ถูกพับไว้ตลอดเวลา เพราะเราก็อยากแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของเราเหมือนกัน แต่ด้วยลุคของเราที่ดูซอฟท์ ดูเรียบร้อย พอบางทีเราหลุดแสดงอาการที่มันขัดแย้งกับบุคลิกที่เขาคิด มันก็ทำให้คนตกใจ แต่เอาจริงเราก็เป็นมนุษย์ทั่วไปมันก็ต้องมีโกรธมีหงุดหงิดบ้าง แต่อาจจะถูกคาดหวังจากรูปลักษณ์และความเป็นผู้หญิง ทำให้เป็นมุมมองแรกที่คนอยากเห็นมั้ง ว่าจีนต้องเรียบร้อย แต่เราก็ไม่ใช่ว่าต้องเรียบร้อยตลอดเวลา เราก็มีลูกบ้าได้ ถึงเวลาเมาเราก็เมาเละได้ คือจริงๆ จีนก็เป็นคนเรียบร้อยแหละ แต่ใจเราบางทีมันก็อยากขบถบ้าง คือเกิดมาทั้งทีทำไมเราต้องไปห่วงเรื่องที่ว่าฉันเป็นผู้หญิงฉันต้องทำตัวแบบนี้เท่านั้น ทำไมถึงไม่ก้าวออกมา จริงๆ คนเราอาจมีคาแร็คเตอร์อะไรที่ถูกซ่อนไว้มากกว่าที่ตัวเองคิดก็ได้ 

ถ้ามีเงินให้ทำหนังใหญ่ได้สักเรื่องตอนนี้เลย จีนอยากทำหนังเกี่ยวกับอะไร ช่วงนี้สนใจเรื่องมนุษย์ หลังจากที่เราทำงานแฟชั่นฟิล์ม มิวสิควิดีโอต่างๆ ซึ่งมันเน้นวิชวลเป็นหลัก แล้วล่าสุดตอนทำงาน CK ที่เราได้สัมภาษณ์คนมากขึ้น เราเลยค่อนข้างสนใจว่ากว่าคนๆ นึงจะมาเป็นแบบนี้เขาผ่านอะไรมาบ้าง แล้วหลังๆ ชอบดูหนังหรือสารคดีที่เกี่ยวกับจิตวิทยา เช่นฆาตกรหรือทรัมป์ ว่าทำไมเขาเป็นคนแบบนี้ ดังนั้นมันก็คงเป็นหนังที่เล่าเรื่องความเป็นมนุษย์ในเชิงจิตวิทยา แต่ใส่ความชอบส่วนตัวเข้าไป ใส่ความเป็นแฟชั่นลงไป และใส่เพลงที่คิดเอง


แต่ ณ ตอนนี้เราอายุ 25 เราก็อยากสั่งสมประสบการณ์มากพอ แล้วก็อยากออกจากกรอบ ออกจากความเป็นกุลสตรีที่เราเคยกำหนดตัวเองไว้ แล้วใช้ชีวิตให้เต็มที่มากขึ้น ไปอยู่ในจุดที่ไม่เคยยืนมาก่อน เพื่อไปตามหาข้อมูลใหม่ๆ หาวัตถุดิบในการทำงานใหม่ๆ ในการเสริมสร้างตัวเอง อยากทำงานที่พัฒนาอนาคต คืองานที่มันดึงหรือขุดความเป็นตัวเองออกมามากขึ้น ถ้าถึงเวลานั้นเมื่อไหร่จะมาบอกที่ Dudesweet ที่แรกเลยค่ะ

อยากบอกอะไรถึงผู้หญิงคนอื่น ก็อยากบอกว่าอยากให้ผู้หญิงกล้าเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องอยู่บนบรรทัดฐานของสังคมที่ถูกตัดสินไว้ แต่เราเรียนรู้ที่จะวางตัวและแสดงความเป็นกุลสตรีในเวลาที่เหมาะสม แต่ถึงเวลาที่มันอยู่ในจุดที่เราสามารถแสดงความเป็นตัวเองได้ เราก็ไม่ต้องมัวแต่ไปห่วงภาพลักษณ์หรือกลัวคนตัดสินขนาดนั้น อยากให้เชื่อในตัวเองว่าจะทำได้ ถ้าคุณมีความเชื่อ รักตัวเองและมั่นใจในตัวเองมากพอ เราว่าอุปสรรคทุกอย่างเราผ่านไปได้


ได้เห็นคอนเวิร์สคอลเล็คชั่น Love The Progress แล้ว ชอบอะไรบ้าง รู้สึกว่าชอบวัสดุที่เลือกใช้หมดเลย ความเป็นหนังให้ความรู้สึกว่าทนเหมือนผู้หญิงแข็งแรง แต่ว่าดีเทลหรือรูปหัวใจมานิดหน่อย ยังมีความเท่ด้วยโทนสีที่ไม่ได้หวาน แต่สามารถสื่อใจความของคอลเล็กชั่นนี้ด้วยผิวสัมผัสเป็นผู้หญิงในแบบที่เท่ ไม่ใช่ต้องมาแบบในโทนสีที่หวาน แต่มาด้วยโทนสีแดงอิฐ หรือคำที่ใช้ก็เป็นคำที่ลิ้งค์ถึงความเป็นผู้หญิง มันมีรุ่นนึงที่มีข้อความให้กำลังใจอยู่ด้วย แม้กระทั่งฟ้อนต์ที่ใช้มันไม่ได้เขียนแบบฉวัดเฉวียน หรืออ่อนช้อยมาก มันเป็นฟ้อนต์ที่ bold ให้ความรู้สึกที่แข็งแรง

 
bottom of page