top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

เราถามวัยรุ่นจากหลายประเทศ ว่าข้อดีของการเป็นคนรุ่นเขาคืออะไร




บทความนี้สนับสนุนโดย Converse ภาพจาก คอนเวิร์ส

 

คอนเวิร์สพาวัยรุ่นเกือบสามสิบคนจาก 11 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งเมืองไทย ให้ไปเจอกันที่ LA โดยคัดจากคนที่มีบุคลิก สไตล์ และแนวทางชีวิตที่ตัวเองอยากเดินชัดเจน ไม่ว่าจะดนตรี ศิลปะ หรือการแสดง เพื่อให้พวกเขาได้แลกเปลี่ยนความคิดและวัฒนธรรม และสร้างเน็ตเวิร์คที่จะเป็นประโยชน์ต่อผลงานของพวกเขาในอนาคต อยู่ด้วยกัน 7 วัน 7 คืน พาไปเข้าเวิร์คช็อป ปาร์ตี้ และเทศกาลดนตรี เป็นการสร้างสังคมคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เน้นว่าต้องเป็นคนโด่งดัง แต่ต้องมีแพสชั่นในสิ่งที่ทำและคอนเวิร์สพร้อมสนับสนุน เราได้คุยกับส่วนหนึ่งของวัยรุ่นก๊วนนี้ ว่าเขาคิดอย่างไรกับคนรุ่นเขาและอยากให้ผู้ใหญ่ฟังอะไรเขาบ้าง

วัฒนธรรมวัยรุ่น (Youth Culture) ในประเทศของคุณเป็นอย่างไรกันบ้าง แฮรี่ (นิวซีแลนด์): [ที่นิวซีแลนด์] วัยรุ่นครองเมืองครับ ค่อนข้างจะชี้นำประเทศชาติเลย โดยเฉพาะในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ มีแรงผลักดันในการกล้าทำอะไรใหม่ๆ กันเยอะ แมคคัลลีย์ (ฟิลิปปินส์): ไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ ผู้คนในฟิลิปปินส์เรามีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันมาก คุณก็คงพอจะทราบ ว่าช่องว่างระหว่างชนชั้นเรากว้างมาก ซึ่งมันสะท้อนออกมาให้เห็นในเรื่องการรับรู้วัฒนธรรมอื่นๆ ที่มากน้อยต่างกัน ส่วนเทร็นด์ตอนนี้ก็ทำให้วัยรุ่นฟิลิปปินส์มาทางสตรีทสไตล์กันหมด ถ้าเป็นเรื่องดนตรี ดนตรีฮิปฮอปกำลังใหญ่มาก ฟิลิปินส์ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมาเยอะโดยเฉพาะอเมริกา เพราะเป็นที่ๆ เราจะมองหาเมื่อพูดถึงแฟชั่นหรือดนตรี

(L-R: แจซซี่ @jassyyfizzle / แฮรี่ @harrygoldie / แมคคัลลี่ย์ @macualeylofgren / โมนิก้า @moca.nula /  @อิซาเบล @guaguapink ) แมทเธียส (ชิลี): ถ้าเป็นเรื่องสไตล์มันก็หลากหลายขึ้น พอการเมืองดีขึ้น คนชิลีก็เปิดรับความคิดใหม่ๆ มากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้มีหลายสิ่งที่การเมืองกีดกัน แต่คนรุ่นใหม่ตอนนี้ต้องการทำสิ่งใหม่ๆ หลายอย่างเพราะเรามีอิสระมากขึ้น แดน (ไทย): ผมรู้สึกถึงการบริโภคดนตรีที่มากขึ้น แต่ก็ยังไม่อยากชี้ชัดนัก วัฒนธรรมวัยรุ่นตอนนี้ดูไม่ค่อยแคร์กับสิ่งที่เคยเกิดในรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะดนตรี การเมือง หรือแฟชั่น แต่ผมว่านั่นมันก็เป็นข้อดีในการที่จะนำบุคลิกบางอย่างกลับมาใส่ในดนตรี เหมือนว่าของเก่าก็คือความใหม่สำหรับตอนนี้ และช่วงนี้ผมกำลังรอดูว่า ความเกรี้ยวดราดแบบพังก์ร็อคจะกลับมาใหม่ได้หรือเปล่า ถ้ามันกลับมา ก็คงสนุกน่าดู


อีฟ @_l_u_r_e_a_r_


 

ข้อดีของการเป็นคนรุ่นคุณคืออะไร แฮรี่ (นิวซีแลนด์): คนรุ่นเราเปิดใจรับการทดลองอะไรใหม่ๆ เสมอ อิซาเบล (ชิลี) : ฉันว่าเราเป็นคนรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีเก่ง และนำมันไปใช้อะไรที่สร้างสรรค์ ฉันมีเพื่อนหลายคนที่ทำเพลง ทำภาพประกอบ ทำหนัง แล้วเขาก็รู้วิธีใช้อินเตอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพ ฉันว่าคนรุ่นเราเป็นคนกำหนดทิศทางของโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีเลยล่ะ โมนิก้า (อัฟริกาใต้): เรามีอิสระ และเรากล้าแสดงจุดยืนและความเป็นตัวเองโดยไม่กลัวข้อแม้ใดๆ เฮนรี่ (โปแลนด์): ผมว่าเราเป็นรุ่นที่ทำลายขีดจำกัดต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ แดน (ไทย): เราสามารถกลายเป็นพวกขบถเล็กๆ ได้ในบางสถานการณ์ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ไหน แมคคัลเลย์ (ฟิลิปปินส์): ผมก็คิดว่าข้อดีคือการที่เราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายดายนี่ล่ะ เดี๋ยวนี้มันง่ายที่เราจะหาแรงบันดาลใจได้จากทั่วโลก และนำมันมาสร้างตัวตนของเรา แล้วก็ทำให้เราได้เรียนรู้เร็วตั้งแต่ยังเด็ก มันทำให้เราเป็นคนมีวัฒนธรรม


อิสซ่า @pressmanissa


เจสซี่ @jesych

มีอะไรที่คุณอยากให้คนรุ่นก่อนๆ เข้าใจพวกคุณ อีฟ (ไทย): อยากให้ยอมรับ และเข้าใจสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับลูกหลานคุณ อิซาเบล (ชิลี): อยากให้เขาเห็นความสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมที่ต่างไป อยากให้เขาเข้าใจความสำคัญของศิลปะและสิ่งที่เราทำเพื่อใช้หาเลี้ยงชีพ และศิลปะก็เป็นสิ่งที่เชื่อมต่อตัวเราเองกับสิ่งอื่นๆ ได้ดีที่สุด มันทำให้เรามีความเป็นมนุษย์ ฉันเลยอยากให้เขาเข้าใจความสำคัญของการเป็่นตัวของตัวเอง และเคารพในสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เรารัก แฮรี่ (นิวซีแลนด์): อยากให้เขารู้ว่า ช่วงเวลาที่ต่างกัน สังคมมันก็ต่างไป เราก็ต้องเจออะไรที่มันยากสำหรับเราเหมือนกัน เจสซี่ (ฟิลิปปินส์): ยกตัวอย่างแม่ฉันแล้วกัน ทีแรกแม่ก็ไม่ชอบรอยสักเลย แต่ฉันก็อธิบายให้แม่เข้าใจ แต่แม่ก็ภูมิใจในตัวฉันทุกเรื่องอยู่แล้ว ฉันเลยอยากให้คนรุ่นผู้ใหญ่ ได้ฟังมุมมองของเราบ้าง ชากี้ (นิวซีแลนด์): อยากให้พวกเรารับรู้ว่า เราไม่อดทนใดๆ ทั้งสิ้น ต่อความดักดานทางความคิด การเหยียดความคิด เหยียดเชื้อชาติ การดูถูกคนอื่น และฉันอยากให้พวกเขายอมรับความแตกต่างและภูมิใจกับสิ่งที่พวกเราพยายามผลักดัน พวกเขาต้องเข้าใจว่า มีหลายเรื่องที่พวกเขาทำโลกนี้เละเทะ และคนรุ่นเราก็ต้องมาเช็ดถู เพื่อให้คนรุ่นต่อจากเราได้อยู่ในโลกที่ดีขึ้น

ชากี้ @half.queen

เฮนรี่ (ผู้ชายคนหน้าสุด) @hieniek

โอเค แล้วมีอะไรที่คุณไม่ชอบเกี่ยวกับคนรุ่นคุณบ้าง เฮนรี่ (โปแลนด์): ความอีโก้สูง ความที่ทุกอย่างมีแค่ ฉัน ฉัน ฉัน แล้วตอนนี้เหมือนทุกคนไม่ค่อยคุยกันแล้ว แต่เก่งเขียนในเฟซบุ๊กแทน แบบนี้อีกสิบห้าปีจะเป็นไงล่ะนี่ เฮนรี่ (โปแลนด์): ก็คงงี่เง่านั่นล่ะ แต่มันก็มีโอกาสล้ำค่าให้คนที่คิดเป็นเสมอ และในอนาคตคุณจะต้องมีทักษะที่หนักแน่นในหลายเรื่องถ้าจะต้องบริการจัดการอะไร โมนิก้า (อัฟริกาใต้): เทคโนโลยีมันช่วยเรื่องการทำงานและธุรกิจได้มากก็จริง แต่บางทีมันก็ทำให้ทุกอย่างออกมาสไตล์เดียวกัน และทำให้เราขาดมนุษยสัมพันธ์ แล้วมันก็ทำให้เราลืมทุกอย่างเร็วไปหมด เดี๋ยวนี้เหมือนเราจะไม่มีบทสนทนาแบบตัวต่อตัวที่จริงจังกันแล้ว เรามัวแต่โฟกัสเรื่องจะโพสต์อะไรในอินสแกรมต่อไปแทนที่จะได้มีความสุขกับแต่ละวันแบบไม่ต้องคิดมาก เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนก็ต้องมานั่งโพสต์รูป เราจะเอนจอยชีวิตกันง่ายๆ ไม่ได้หรือ

คุณทุกคนพูดถึงการเป็นตัวของตัวเองกัน เดี๋ยวนี้ทุกคนมีช่องทางการแสดงออกของตัวเอง มันเกิดการแข่งขันเรื่องเป็นตัวของตัวเองกันหรือเปล่า? เจสซี่ (ฟิลิปปินส์): ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่สมัยนี้มันก็มีทุกอย่างให้คุณเลือก ซึ่งมันก็ไม่ง่ายหรอก กว่าคุณจะรู้ว่าจะไปทางไหนหรือแสดงออกอย่างไร แต่เมื่อไหร่ที่คุณเจอและเข้าใจตัวเอง มันก็ง่ายเอง แมทเธียส (ชิลี): ผมอยากให้คนรุ่นเดียวกัน เคารพผลงานกันและกัน เราต่างก็เป็นเพื่อนกันหมด แมคคัลลีย์ (ฟิลิปปินส์): แน่นอนว่ามันยากอยู่แล้วที่จะต่างจากคนอื่นเพราะโลกนี้มีคนตั้งมากมาย แล้วเทร็นด์ใหญ่ๆ ก็เกิดขึ้นพร้อมกัน แล้วผู้คนก็มักจะไปตามนั้น แต่เมื่อไหร่ที่คุณรู้ว่าเทร็นด์ต่างๆ มันไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ความเป็นคุณที่แท้จริง ถ้าคิดได้แบบนั้น บางทีคุณอาจจะเป็นคนเซ็ตเทร็นด์เองก็ได้ ก็จริงครับ ว่ามันยาก แต่เราก็ต้องหาตัวเองกันต่อไป

แมทเธียส @nfx.oficial

ฟังดูเหมือนการได้เห็นอะไรเยอะๆ ก็ทำให้สับสนนะ เจสซี่ (ฟิลิปปินส์): แต่ฉันว่ามันก็สนุกดีออก ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นเรื่องเพลงที่ฟัง ฉันก็ไม่ได้ฟังทั้งอัลบั้ม ก็เลือกแต่เพลงที่ชอบ ฉันว่าคนรุ่นเราเป็นแบบนี้กันเยอะ คือเราเบื่อง่ายมาก เราเลยชอบทำอะไรหลายอย่าง อย่างเรื่องเพลง ฉันก็จะเลือกหมวดที่ฉันชอบแต่จากหลายๆ ศิลปิน ซึ่งมันก็ทำให้ฉันได้ฟังอะไรหลายอย่างในขั้นตอนนั้น คุณเห็นตัวเองยังไงในสิบปีจากนี้ อิซซ่า (ฟิลิปปินส์): ก็เห็นตัวเองเหมือนเดิมแบบนี้ล่ะค่ะ เป็นตัวเองที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบซึ่งมันก็เป็นเส้นทางที่ฉันพยายามเดินอยู่ ไม่เกี่ยวว่าตอนนั้นจะทำอาชีพอะไร แต่คิดว่าต้องเชื่อมั่นในตัวเองให้มาก แดน (ไทย): เหมือนจะเห็นภาพตัวเองอยู่บ้านพ่อ แต่ก็เห็นภาพคอมพิวเตอร์อยู่ใกล้ๆ ตัว แล้วก็หนังสือ โทรศัพท์ เท็บเล็ต หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรก็ตาม ที่เต็มไปด้วยเนื้อเพลง และบทกวีที่ผมแต่ง



เรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับอนาคตในความคิดของคุณคืออะไร อิซาเบล (ชิลี): อนาคตฟังดูน่ากลัวเลยล่ะ ฉันกลัวว่าจะแก่ด้วยความรู้สึกว่ายังไม่ได้ใช้ชีวิตให้เต็มที่ เพราะมัวแต่ไม่กล้าทำสิ่งที่อยากทำ เพราะมัวแต่กลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไง เจสซี่ (ฟิลิปปินส์): การมีลูกค่ะ ฉันรู้สึกว่าการมีลูกคือการมีชีวิตอีกแบบไปเลย ฉันไม่เคยคิดว่าจะพร้อมเลย อิสซ่า (ฟิลิปปินส์): กลัวความกลัวนี่ล่ะค่ะ เพราะถ้าคนเรายังเต็มไปด้วยความกลัว อนาคตมันก็คงไม่เกิดขึ้น คนเราควรจะลุย บุกค้นหาสิ่งต่างๆ ที่รอให้ค้นหาอีกมากมายเพื่อนาคต เฮนรี่ (โปแลนด์): กลัวพวกนักการเมือง แต่ไม่ต้องรออนาคตหรอก เพราะคนพวกนี้น่ากลัวเสมอ แมทเธียส (ชิลี): ผมกลัวสงคราม เพราะตอนนี้มันมีพวกบ้าอำนาจเยอะเหลือเกิน แล้วถ้าวันไหนมันเกิดประสาทแดกกดปุ่มบ้าขึ้นมา เราอาจจะพังกันหมด ผมเคยแต่งเพลงว่าผมทำผิดอะไร คือผมไม่มีอำนาจแบบคนพวกนั้น ผมก็มีแค่เสียงไว้ร้องเพลง และทำได้แค่แต่งเพลง ถ้าผมจะทำอะไรเพื่อโลกได้สักอย่างก็คงเป็นการทำเพลง อีฟ (ไทย): กลัวการตายจากอุบัติเหตุค่ะ ชากี้ (นิวซีแลนด์): กลัวสิ่งที่ยังไม่รู้ค่ะ ฉันว่านี่เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนกังวลเสมอ แฮรี่ (นิวซีแลนด์): หุ่นยนต์ หุ่นยนต์จะครองโลก

 
bottom of page