top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

‘9 ศาสตรา’- ความก้าวหน้าของแอนิเมชั่นไทย

โดย จักรพันธุ์ ขวัญมงคล

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีแต่คนถามว่าได้ดูหนังแอนิเมชั่นเรื่อง ‘9 ศาสตรา’ แล้วหรือยัง ก็ตอบไปว่ายัง ถ้าคนที่รู้จักชอบพอกันสักหน่อยก็จะรู้ว่าโดยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจหนังแอนิเมชั่นสักเท่าไหร่ แต่คนที่ถามซึ่งมีหลายคน (มีทั้งที่รู้และไม่รู้ว่าเฉยๆ กับแอนิเมชั่น) ก็จะลงท้ายด้วยการพูดเหมือนๆ กันว่า “ไปดูสิพี่ มันดีกว่าแอนิเมชั่นไทยหลายๆ เรื่องที่ผ่านมานะ” ไอ้เราก็เลยเริ่มสงสัย และความสงสัยแก้ไขได้ด้วยการซื้อตั๋วเพื่อไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง


เลยได้คำตอบว่าไอ้ที่เขาพูดๆ กันนั้นเป็นความจริง สามารถกล่าวได้ว่า ‘9 ศาสตรา’ เป็นความก้าวหน้าของวงการแอนิเมชั่นไทย เนื่องจากมีคุณภาพทัดเทียมพอฟัดพอเหวี่ยงกับหนังแอนิเมชั่นจากชาติอื่นๆ ได้ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่แอนิเมชั่นจากสตูดิโอยักษ์ใหญ่ทั้งหลายในฮอลลีวู้ด และแน่นอนถ้าอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วท่านเกิดความกังขา ท่านก็ไม่ต่างจากผมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ที่จริงแอนิเมชั่นกับคนดูหนังไทยนั้นอาจจะไม่ใช่คนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีการสร้างหนังแอนิเมชั่นสายเลือดไทยออกมาจำนวนหนึ่ง ที่คุ้นเคยกันหน่อยก็น่าจะเป็น ‘ก้านกล้วย’ ของสตูดิโอกันตนาเมื่อสักสิบกว่าปีที่แล้วซึ่งถือว่าสร้างปรากฏการณ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถต่อยอดสร้างกระแสความนิยมหนังแอนิเมชั่นให้เกิดขึ้นได้หลังจากนั้น หลังจากปรากฏการณ์ ‘ก้านกล้วย’ แล้ว แอนิเมชั่นไทยจึงล้มเหลว (ทั้งในแง่กระแสความนิยมและรายได้) เสียเป็นส่วนใหญ่ แอนิเมชั่นจึงเป็นได้แค่คนแปลกหน้าของนักดูหนังไทยอย่างที่กล่าว หาใช่คนสนิทหรือคนรู้จักกันไม่ แล้วอะไรที่ทำให้มันเป็นอย่างนั้น


จะตอบคำถามนี้ก็ต้องว่ากันยาว แต่ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็แบ่งเป็นสองเรื่องคือ หนึ่ง, หนังแอนิเมชั่นไทยยังมีขีดจำกัดเรื่องเทคนิคและคุณภาพ กับสอง, คนไทยยังมองว่าหนังแอนิเมชั่นคือการ์ตูนขนาดยาว

เอาเรื่องที่สองก่อน พอไปมองว่ามันก็คือหนังการ์ตูน คนส่วนใหญ่ (รวมทั้งผมด้วยนี่ล่ะ) ก็มักจะคิดเชื่อมโยงไปว่ามันถูกออกแบบมาให้เด็กๆ ดูโดยเฉพาะ คือถ้าลูกไม่ร้องกระจองอแงดิ้นพล่านจะไปดู ก็ไม่มีทางเสียล่ะที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะไปดู และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนปราศจากบุตรธิดาอย่างผมก็ยิ่งไม่สนใจได้อย่างง่ายดาย คือไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องไปดูการ์ตูนความยาวชั่วโมงกว่าถึงสองชั่วโมงทำไม เรื่องนี้เป็นชุดความคิดที่สถิตอยู่ในหัวของเรามานาน ถ้าจะแก้ไขเรื่องนี้ เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า แอนิเมชั่นแท้จริงแล้วก็เป็นหนังทั่วๆ ไปอีกประเภทหนึ่ง แตกต่างแค่เทคนิคการสร้างภาพเท่านั้นเอง เอาเป็นว่าเรื่องนี้จบไป

กลับมาที่เรื่องแรกซึ่งค้างไว้ นั่นคือที่ผ่านมาแอนิเมชั่นไทยยังมีข้อจำกัดเรื่องเทคนิคและคุณภาพในการสร้าง ซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีในการสร้างภาพเคลื่อนไหวให้สมจริงและดูยิ่งใหญ่อลังการ และไอ้เทคโนโลยีต่างๆ ที่ว่านั้นก็มาพร้อมกับสนนราคามหาศาล ความ ‘แพง’ ของการสร้างแอนิเมชั่นนั้นจึงกลายเป็นกำแพงให้กับสตูดิโอแอนิเมชั่นไทยหลายเจ้า ผมเชื่อว่าผู้สร้างไทยรู้ดีทั้งนั้นแหละว่าจะทำยังไงให้หนังแอนิเมชั่นไทยไปได้ดีมีคุณภาพ แต่ติดอยู่ที่ราคาที่ไม่สามารถจ่ายเพื่อไปให้ถึงตรงนั้นได้ ก็เลยออกมาในระดับกลางๆ อย่างที่เห็นกัน (แต่ก็มีบางเรื่องที่แย่อย่างน่าตกใจ เห็นภาพแล้วนึกว่าการ์ตูนสมัยก่อน)


นั่นจึงเป็นที่มาของการที่ ‘9 ศาสตรา’ ใช้ทุนสร้างสูงถึง 230 ล้านบาทซึ่งเข้าใจว่าน่าจะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การสร้างแอนิเมชั่นไทย และใช้เวลาในการผลิตนานสี่ปีเต็ม แต่ผลที่ได้นั้นน่าพอใจยิ่ง เพราะว่ากันในแง่คุณภาพ ‘9 ศาสตรา’ สู้กับหนังแอนิเมชั่นจากประเทศอื่นๆ ได้สบายมาก หลายฉากหลายภาพก็สวยงามตระการตา พูดกันตรงๆ ก็ต้องบอกว่าแทบไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นฝีมือคนไทย


เห็นหรือยังว่าถ้าเงินถึงก็สบาย เพราะฝีมือเราถึงอยู่แล้ว


ขณะที่เรื่องของ ‘9 ศาสตรา’ ก็ไม่มีอะไรใหม่ เป็นการยำเอาเรื่องเล่าที่คนไทยคุ้นเคยอย่างรามเกียรติ ยักษ์ๆ ลิงๆ มาผสมกับตำนานต่างๆ ใส่เรื่องศาสตร์ของมวยไทยไว้เป็นแกนหลัก เติมจินตนาการแบบแฟนตาซีเข้าไปบนโครงเรื่องแบบหนังกำลังภายในมังกรหยกสไตล์ ขยำรวมกันออกมาเป็นเรื่องเล่าในสัดส่วนพอดีๆ และเมื่อพิจารณาว่าฐานคนดูกว้างมากเริ่มตั้งแต่เด็กไปถึงคนทุกเพศทุกวัย มันก็จำเป็นต้องสอดแทรกเรื่องคุณธรรมน้ำมิตร คติแห่งความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ จนประสบความสำเร็จ ความรักพวกพ้องเข้าไป ซึ่งก็ไม่ได้แย่อะไรนัก แม้ว่าบางตัวละครอาทิตัวโกงยักษ์ระดับบอส อาจจะมีฟังชั่นเดี่ยวมีหน้าที่เดียวเกินไปสักหน่อย คือออกมาทำลายให้สิ้น เชื่อว่าถ้าเติมมิติให้ตัวละครนี้อีกนิด อธิบายให้ผู้ชมเข้าใจว่าเพราะอะไรเทหยักษามันถึงได้โหดร้ายได้ขนาดนั้นก็คงจะดี


แต่โดยรวมแล้ว ‘9 ศาสตรา’ ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก เป็นหนังแอนิเมชั่นไทยที่ควรไปดู

ดูแล้วจะชอบหรือไม่ชอบเรื่องนี้ก็ว่ากันไปตามรสนิยม แต่อย่างที่หนึ่งเราต้องยอมรับได้แล้วก็คือ วันนี้แอนิเมชั่นไทยก้าวหน้าทัดเทียมแอนิเมชั่นจากสตูดิโอนานาชาติแล้วจริงๆ


bottom of page