ภาพจาก Studio Temple ถ่ายโดย พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ @studiotemplebkk
“รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่มีใครพูดถึง เพราะเรื่องตายๆ นี่คนไทยเขาก็ถือกันว่าเป็นเรื่องไม่มงคล" ช่างภาพ ติ๋ม-พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์กล่าว "แต่เราอยากเปลี่ยนทัศนคติเรื่องการเกิดการตาย เพราะคนเราก็เกิดและตายกันอยู่แล้ว เราไม่รู้ว่าเราจะไปวันไหน บางคนไปช้า บางคนไปเร็ว แต่มันเป็นปกติที่ทุกคนต้องเจอ"
"โดยเฉพาะวันสุดท้ายของชีวิต ทุกคนก็ต้องใช้รูปถ่ายรูปนึงแหละ แล้วเราก็ควรจะมีรูปดีๆ สักรูป บางทีเราไม่อยู่แล้ว คนที่อยู่ก็ต้องมาวิ่งวุ่นหารูปกันว่ารูปไหนใช้ได้บ้าง ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่รูปที่เราชอบที่สุด หรือรูปที่เป็นตัวเราที่สุด เพราะเราไม่ได้เลือกไว้ เราก็อยากจะ service ตรงนี้ เวลาใครไปเราก็ส่งให้เขาถึงที่วัดเลย"
ติ๋มเป็นที่รู้จักในฐานะช่างภาพแฟชั่นลำดับต้นๆ ของไทย การถ่ายภาพแฟชั่นมากว่า 30 ปี และสิ่งหนึ่งที่คนรู้จักติ๋มรู้กันดี คือประมาณทุกสองเดือนเธอจะต้องเคลียร์คิวไปปฏิบัติธรรมเจริญสติและหายไปทีละอย่างน้อย 7 วัน เธอทำแบบนี้มากว่าสิบปีแล้ว จนเพื่อนๆ ชอบเรียกติ๋มขำๆ ว่า "สีกาติ๋ม" ส่วนแนวคิดในการทำบุญของติ๋ม ไม่ใช่การบริจาคเงินสร้างพระ สร้างวัดใหญ่โต แต่มักเป็นการบริจาคช่วยเหลือผู้ยากไร้ และใช้ความสามารถของตัวเองไปช่วยวัด ช่วยหลวงพ่อเวลามีโปรเจ็คต์ที่ต้องการใช้ภาพถ่าย หรือสอนคนที่สนใจในศิลปะภาพถ่าย
ฟังดูแปลกดีที่จะพูดว่าแฟชั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ติ๋มเริ่มสนใจธรรมะ ก็เมื่ออาชีพของคุณคือการอยู่กับการสร้างภาพหวือหวาโปรโมทกิเลสมาเป็นสิบปี บางทีคุณอาจต้องการหาสมดุลให้จิตวิญญาณของตัวเอง และธรรมะคือตัวคอยดึงติ๋มให้อยู่กับความจริงและปัจจุบันขณะ ว่าทุนนิยมและความฟุ้งเฟ้อเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นในอาชีพสร้างภาพความสวยความงามแบบเธอ แต่การเป็นมนุษย์ที่มีเมตตาและมีสติย่อมไม่ทำให้เราหลุดลุ่ยไปกับความฟุ้งเฟ้อและภาพลวงตาตรงหน้า
การถ่ายภาพบุคคล (portrait) ต่างกับภาพแฟชั่นตรงที่การถ่ายบุคคลจะออกมาดีเมื่อช่างภาพได้รู้จักตัวตนของผู้ถูกถ่าย ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันเท่าที่เวลาจะอำนวย ในขณะที่ภาพแฟชั่นเป็นเหมือนการถ่ายภาพยนตร์ ที่ช่างภาพมีหน้าที่กำกับโมเดลให้แสดงตามบุคลิกบทบาทที่เสื้อผ้าหรือสินค้ากำหนด
ถึงวันนี้ติ๋มถ่ายรูปคนมาแล้วทุกวัยและทุกฐานะ ตั้งแต่คนไร้บ้านจนถึงเชื้อพระวงศ์ การได้บันทึกภาพผู้คนหลากหลายมาหลายสิบปี บวกกับธรรมมะและการเข้าใจชีวิตมากขึ้นตามวัย ทำให้ติ๋มไม่ตัดสินคนเพียงภายนอก และการได้รู้จักตัวตนของผู้คนในเลนส์กล้องของเธอเป็นเรื่องที่ติ๋มเพลิดเพลินมาก สิบปีที่ผ่านมาติ๋มถ่ายภาพบุคลลมาหลายร้อย ทั้งได้เงินและไม่ได้เงิน
และก็เหมือนช่างภาพทุกคนที่อยากมีสตูดิโอถ่ายภาพเป็นของตัวเอง ปลายปีที่แล้วติ๋มจึงเปิดสตูดิโอ ซึ่งนับว่าเริ่มช้าเมื่อเทียบกับช่างภาพรุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องๆ ขนาดสตูดิโอของติ๋มก็ไม่ได้ใหญ่โตฟู่ฟ่า เพราะเจตนาของเธอคืออยากมีสตูดิโอเพื่อถ่ายภาพบุคคลเป็นหลัก การถ่ายภาพบุคคลไม่ต้องการพื้นที่มากมายหรอก การทำความรู้จักชีวิตกันและกันไม่ได้ต้องการพื้นที่มากมาย
Studio Temple เป็นสตูดิโอเล็กๆ บนถนนพระรามหก ลูกค้ามีตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ดารา นักร้อง คนดัง คนไม่ดัง คนวัยทำงาน ภาพครอบครัว ภาพคู่รัก ภาพคนท้อง ภาพบ่าวสาว ที่ผ่านมาติ๋มไม่ได้โปรโมทธุรกิจของตัวเองแบบเป็นเรื่องเป็นราวสักที แต่พอโปรโมททีติ๋มก็เล่นประเด็นใหญ่เลย---เรื่องความตาย
พอคุณอายุเยอะขึ้น คุณก็จะไปงานศพบ่อยขึ้น บางทีเดือนละสามครั้ง และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง คือมีบางงานที่ติ๋มไปเขาใช้ภาพหน้าศพที่เป็นภาพที่เธอถ่าย ติ๋มนั่งพนมมือฟังพระสวดไป ปลงสัจธรรมชีวิตไป มองผลงานของตัวเองไป ก็ให้รู้สึกปลื้มใจแปลกๆ ว่านี่คงเป็นรูปที่ตอนที่คนในโลงเขายังมีชีวิตอยู่ เขาคงชอบรูปนี้มาก
รูปไหนที่คุณชอบที่สุดในชีวิต?
สัมภาษณ์: มนต์ทิพา วิโรจน์พันธุ์ @iarbuckle
รูปหน้าศพที่ดีควรจะเป็นแบบไหน
จริงๆ เราไม่ได้ทำออกมาเพื่อตั้งใจ service ภาพถ่ายหน้าศพอย่างเดียว แค่คิดว่าอยากให้คนมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา เลยตีความออกมาให้เรื่องซีเรียสพวกนี้มีอารมณ์ขัน มันอาจทำให้เขาเกิดการเตรียมตัว แล้วเราก็เลือกรูปที่ดีที่สุดให้เขา รูปที่เขาชอบที่สุด รูปที่เขาอยากให้คนเห็น เพราะมันหมายถึงตัวเขามากที่สุด
เขาจะรู้ได้ไงว่าเขาจะได้รูปที่ชอบที่สุดจากเรา
เขาอาจจะถ่ายมาหลายที่แล้ว แล้วพอมาถ่ายกับเราก็รู้สึกว่า อันนี้แหละใช่ แต่ในอนาคตเขาอาจจะไปเจอรูปที่ชอบกว่าที่มาถ่ายกับเราก็ได้
รูปไหนที่คุณชอบที่สุดในชีวิต?
สิ่งที่เราชอบในสโลแกนนี้มันคือการตั้งคำถาม ว่า 'เรามีรูปที่เราชอบที่สุดในชีวิตหรือยัง' ในเมื่อเราทำ portrait and studio services หน้าที่เราก็คือนำเสนอสิ่งนี้ให้ ตอนแรกจะใช้เป็น ‘ชีวิตสั้น รูปถ่ายยืนยาว’ ด้วยซ้ำ (หัวเราะ) แต่พิจารณาดูแล้วมันไม่จริง รูปถ่ายมันไม่ยืนยาวหรอก มันก็แค่กระดาษ ปลวกกินก็ไปหมดแล้ว แต่ความความรู้สึกดีๆ ทุกครั้งที่เขาได้เห็นภาพของเขาต่างหาก ที่เราอยากจะทำให้มันอยู่กับเขาได้ตลอดไป
Studio Temple
198/12 ถนนพระรามหก สามเสนใน
ติดร้านอาหารช้อนเงินช้อนทอง
แผนที่ https://goo.gl/maps/26WCeNpUSVyYR8h89
โทร
02 068 5989
099 425 1929
062 603 9360
Line: @studiotemple
Instagram: @studiotemplebkk