สัมภาษณ์คุณเล็ก -ณัฎฐ์ มั่งคั่ง จากทีมดีไซน์เนอร์ Kloset
ปีนี้ Kloset มีอายุ 17 ปีแล้ว ผมจำได้ว่าพอช่วงปีที่ 5 Kloset ฮิตมากจนคนก๊อปกันทั่วเมือง จนเป็นข่าวดังลงหนังสือพิมพ์เรื่องบุกจับโรงงานก๊อป ถึงตอนนี้ตอนนี้พี่เล็กยังแคร์เรื่องโดนก๊อปอยู่ไหมครับ ต้องบอกก่อนคือตอนนั้นน่ะมันเห็นอยู่ตำตาตลอดเวลา และที่เราจับเพราะว่าเราสนใจลูกค้า แต่ ณ วันนี้ลูกค้า Kloset จริงๆ เขาเข้าใจและดูออกแล้ว ว่าอันนี้ของจริง อันนี้ของปลอม และเหมือนเขาเองก็ไม่ใส่ใจเหมือนก่อน เราก็เลยเริ่มเบาไปตามลูกค้าเหมือนกัน แล้วปัญหานี้มันหนีก็ไม่พ้นหรอก เพราะมันเยอะมาก เราจะหูตาไปไกลหลายที่ได้ยังไงหมด อย่างตอนที่จับรุนแรงนั่น เราก็ต้องไปถึงขอนแก่น มหาสารคาม เชียงใหม่
แน่นอนว่าฐานลูกค้าจากช่วงปีแรกๆ เขาก็โตขึ้นเรื่อยๆ พี่มีวิธีที่จะหาลูกค้าใหม่ๆ อย่างไรบ้างครับ ไม่อยากจะบอกใครเลยว่าตอนนี้สิ่งที่พี่กังวลที่สุดคือตรงนี้แหละ เพราะพี่ก็ไม่อยากจะให้แบรนด์มันแก่ไปตามอายุของมัน ลองคิดดูสิ 17 ปีมันหมายถึงเด็กที่เรียนมหาวิทยาลัยตอนนี้ เขาเกิดมาก็เห็นยี่ห้อ Kloset แล้วนะ แต่สิ่งที่พี่ทำก็คือ พยายามฟังไอเดียใหม่ๆ จากคนใหม่ๆ จากเด็กรุ่นใหม่ๆ ว่าเขาสนใจอะไร เขาทำอะไรกัน แล้วเขาต้องการรับแฟชั่นในมุมไหน
พูดถึงคอลเล็คชั่นล่าสุด “Wake Up and Rise” ที่จะโชว์ใน Elle Fashion Week นี้ เห็นว่าได้แรงบันดาลใจของคอลเล็คชั่นนี่มาจากหนังของ หว่อง กา-ไว เรื่อง"> In The Mood for Love ใช่ แต่เรามีการ twist เรื่อง เช่นในหนังเราจะเห็นนางเอกทํากิจกรรมเดิมๆ ทุกวัน เราเลยคิดว่าเธอควรหยุดทําอะไรซ้ำๆ ออกจากลูปเดิมๆ เสียที กลิ่นอายของคอลเล็คชั่นนี้ก็จะมี mood ที่มาจากหนังเรื่องนี้ เช่นลายวอลเปเปอร์ดอกไม้ ซิลลูเอ็ตต่างๆ ก็จะยังคงคอนเซ็ปต์เดิมของ Kloset ที่มีความ feminine อยู่ แล้วครอบด้วยรายละเอียดที่ทำให้นึกถึงงานฝีมือของจีน อย่างดอกเหมย หรือหงส์ เสื้อผ้า Kloset เป็นเสื้อผ้าที่มีความหวาน แต่ครั้งนี้เราเอา styling ไปครอบไม่ให้มันหวานเกินไป
ถ้าเช่นนั้น ผู้หญิงของคอลเล็คชั่นนี้ พี่คิดว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร มี passion เกี่ยวกับเรื่องอะไรครับ อย่างที่บอก เรามีการ twist เรื่องราว ดังนั้นผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่ลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ กล้าที่จะแต่งตัว กล้าที่จะสร้างสไตล์ใหม่ๆให้กับตัวเองที่มันไม่จำเจ ผู้หญิงคนนี้น่าจะมี passion เกี่ยวกับความท้าทาย เช่นถ้าเขาผิดหวังในเรื่องความรัก เขาก็น่าจะไม่ร้องไห้ แต่จะอยากเล่นเกมกับความรัก หรือท้าทายกับความรักที่เขาจะเจอ เหมือนแทนที่จะเป็นคนยอม ก็จะเป็นคนไม่ยอมในเรื่องอะไรง่ายๆ
แล้วพี่เล็กล่ะครับ ทำงานมา 17 ปีแบบนี้ อะไรคือ Passion ในการทำงานของพี่ครับ ความอยากที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ ไปตลอด อย่างตอนนี้มีความรู้สึกว่ามันเป็นช่วงยุคเปลี่ยนเจเนอเรชั่น แล้วเรามีความรู้สึกว่าเรายังไม่อยากแก่ พอไม่อยากแก่ก็เลยมีความรู้สึกว่าจะปรับ Kloset อย่างไรให้มันสัมผัสกับคนเจเนอเรชั่นนี้ให้ได้เยอะที่สุด เดี๋ยวนี้พี่จึงไม่ได้ยุ่งแค่เรื่องดีไซน์แล้ว แต่ไปยุ่งเรื่องมาร์เก็ตติ้ง เรื่องของพีอาร์ด้วย มันก็เลยเป็นความท้าทายใหม่ เพราะมันไม่ได้ท้าทายแค่เสื้อผ้า แต่ยังท้าทายด้วยวิธีการพรีเซ็นต์ หรือการลงโซเชี่ยลอย่างไร หรือวิธีการสื่อสารอย่างไรให้มันโดนเขา ซึ่งพี่ว่าอันนั้นมันโคตรท้าทายอะ แล้วสำหรับพี่เมื่อไหร่ที่มันท้าทายเราจะตื่นเต้น อยากจะ เฮ้ย ทำแบบนั้นดีกว่าว่ะ มันจะรู้สึกเหมือนเล่นเกม ถ้าเราทำมันได้ก็จะ เฮ้ย ชนะแล้ว! เหมือนผ่านเลเวลน่ะ
พูดถึงโซเชี่ยล ผมชอบคลิปโปรโมทของคอลเล็คชั่นที่แล้วมากเลยครับ ที่เป็นวิดีโอตลกๆ ที่ถ่ายที่พาหุรัด ที่ชอบเพราะแปลกใจ เพราะในเมืองไทยแฟชั่นแพงๆ เขาไม่ค่อยชอบทำตัวตลกโปกฮากัน เป็นมุมที่คิดไม่ถึงว่า Kloset จะทำ ก็เพราะว่าพอ Kloset มันลองนั่นนี่มาหลายปีแล้ว เรามีความรู้สึกว่าจะทำอะไรก็ได้แล้ว เราไม่ได้ตีกรอบว่าเสื้อผ้าหวานก็ต้องพรีเซ้นต์ผู้หญิงหวาน พูดจาภาษาดอกไม้ อะไรแบบนั้นเรารู้สึกว่ามันเกร็งไปแล้วสำหรับทุกวันนี้ ไอเดียที่คิดทำคลิปนี้ มันเกิดจากที่พี่คุยกับมาร์เก็ตติ้ง ว่าทำยังไงกันดี เพราะสถานการณ์ต่างๆ ทำให้คนยังไม่อยากแต่งตัว เราก็พูดกันตรงๆ เลย ว่าตอนนี้ก็เกิน 100 วันแล้ว เรามีความรู้สึกว่าอยากลองเปลี่ยนมู้ดของคนที่กำลังเศร้าให้เขาร่าเริงขึ้นเล็กน้อย แล้วช่วงนั้นแฟชั่นอีเว้นท์ไม่มีเลย ฉะนั้นสิ่งที่พอทำได้ก็ต้องเป็นแฟชั่นวีดีโอ
แล้วพี่ว่าแฟชั่นมันโปกฮาได้แค่ไหน พี่ว่าแฟชั่นมันไม่มีขีด แต่เราน่ะขีดให้มันเอง แต่ด่านหนึ่งที่มันควรจะมี คือความเนี้ยบบางอย่าง มันเป็นเส้นของแฟชั่นกับเส้นของความสุดโต่งน่ะ
คือคงไม่ถึงกับเอาถาดตีหัวกันใช่ไหมครับ อ๊ะ! ก็ไม่แน่นะ แต่ความสวยกับความสุดโต่งมันต้องมาคู่กันน่ะ มันคงจะไม่สุดโต่งแบบมอมแมม มันต้องมีความคอนทราสต์ของอะไรบางอย่าง แล้ววีดีโอตัวนั้นมันก็สื่อวิธีคิดแบบ Kloset หลายอย่างเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบโชว์ที่จะโชว์ของ Elle Fashion Week ที่จะถึงนี้
ยังไงครับ จะมีอะไรในนั้น คือต้องบอกก่อนว่าหลังจากปีนี้ คงจะเห็น Kloset ในมุมของเสื้อผ้าหรือวิธีการนำเสนอที่มันไม่เกร็งมากขึ้น แต่ก่อนพอเราจะทำโชว์แต่ละครั้ง มันก็จะเกร็งๆ นิดนึงน่ะ เช่นกลัวว่ามันจะขายของได้หรือเปล่า? ถ้าแมทช์ชุดแบบนี้ลูกค้าจะเข้าใจหรือเปล่า? แต่ตอนนี้วิธีคิดมันมันเปลี่ยนไปเป็น–ทำไปเถอะถ้าเราสนุก อยากจะแมทช์ชุดแบบนี้ก็แมทช์ไปเหอะ ลูกค้าจะใส่หรือไม่ใส่ พี่ว่ามันอยู่ที่ลูกค้าเลือกอยู่ดี การทำมา 17 ปีนี่มัน beyond ความกดดันหลายอย่างไปแล้ว รวมถึงความเครียดในเรื่องต้องขายไม่ขาย เพราะคนที่มันโตมา 17 ปี มันก็หมายถึงว่าก็ success ในระดับหนึ่งแล้ว มันก็เลยไม่ค่อยมีความกดดันเท่าไหร่ อย่างวิดีโอล่าสุดเรื่อง Family Portrait ที่เป็นอาม่าซื้อกระเป๋า มันก็จะมีความดาร์คๆ ของมัน แต่พี่ก็ยังมีความรู้สึกว่ามันมาถูกทาง เพราะตัวเราเองก็เป็นคนแบบนี้ มันก็เลยไม่เกร็ง มันสบายใจที่จะทำ สบายใจที่เราจะพูดอะไรออกไป พี่ว่าทุกวันนี้คนมันต้องการแบบนี้ว่ะ มันไม่ต้องการความเฟคน่ะ อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเหอะ
งั้นพี่ว่านิยามของคำว่าความ cool มันเปลี่ยนไปใช่ไหมครับ ใช่ นิยามของคำว่าความคูลที่แบบว่า– เฮ้ย ฉันต้องทำอันนี้ ต้องเก๋กว่าคนอื่น พี่ว่ามันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว แล้วความจริง ไอ้คนที่ว่าคูลๆ ทั้งหลายแหล่นี่ อินเนอร์ของเขาจริงๆ มันก็สัมผัสได้หมดแหละ แค่เขาไม่เอาออกมาเท่านั้นเอง เช่นบางทีอินเนอร์เขาก็ชอบกินส้มตำเหมือนกับทุกคนนั่นล่ะ
คิดแบบนี้ก็สนุกดีนะครับ เพราะเมื่อเทียบกับวงการแฟชั่นเมื่อ 15 ปีก่อน มันยังมีความหยิ่งยะโส ยังเป็นอะไรที่คนนอกห้ามเข้ามากๆ เลย ใช่ แต่ก่อนมันจะมีความกีดกัน เช่นคนที่เพิ่งเข้ามาในวงการก็จะรู้สึกผิดที่ผิดทาง เช่นที่เราเคยเห็นตุ๊ดเด็กเดินเข้ามาในแฟชั่นวีค เราก็จะมีความรู้สึกว่าเรามองด้วยความคิดว่า “ฉันเป็นคนแฟชั่น แต่เธอมันแค่ตุ๊ดแต่งตัวตลกๆ” แต่ ณ วันนี้ ก็อย่าลืมว่าไอ้พวกตลกเหล่านั้นที่เรามองเขาน่ะ เดี๋ยวนี้เป็นบล๊อกเกอร์ที่มียอด follower อยู่ในมือเท่าไหร่ เป็นกระบอกเสียงที่อยู่ในกลุ่มที่เรามองไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เราต้องมองกลับกันแล้ว ว่าจริงๆ เขาตลกหรือเราตลกกันแน่ เดี๋ยวนี้มันมองใครไม่ออกเลยว่าใครจะมาแนวไหน ตอนนี้พี่ถึงบอกว่าความคูลเดี๋ยวนี้นะ มันคูลใครคูลมัน ว่ากันไม่ได้เลย
พี่เล็กก็ทำเสื้อผ้ามานานจนรู้จักผ้าทุกชนิด รู้จักวิธีเย็บตะเข็บทุกแบบแล้ว การที่ทำงานมานานๆ มาตรฐานมันย่อมสูงขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ พี่นิยามคำว่า ‘perfect’ ไว้อย่างไรครับ “Perfect is not perfect” เพราะเมื่อคิดแบบนี้ มันก็ทำให้เราไปได้อีกเรื่อยๆ แล้วเดี๋ยวนี้แฟชั่นสวยๆ มันจะมีความสวยแบบเกินพอดีนิดนึง เหมือนถ้าหวาน ก็ต้องหวานแบบคุ้มคลั่งนิดนึง เราต้องดีไซน์ความหวานของตัวเองขึ้นมา บางทีมันจะต้องมีความ beyond กว่าสิ่งที่เป็น standard ที่ทุกคนรับได้ แล้ว 17 ปีของ Kloset มันทำให้ตรงนี้เหมือนขี่หลังเสือเหมือนกัน ว่าแต่ละคอลเลคชั่นที่มันออกไปมันต้องแบบอย่างไรวะ ที่คนจะรู้สึกว่า เฮ้ย มันใหม่ เขายังไม่เห็นแบบนี้ใน H&M หรือแบบนี้เขาเดินห้างเขายังไม่เห็น หรือถ้าเขายังไม่เคยเห็น Kloset รูปแบบนี้ ความรู้สึกอะไรแบบนี้มันต้องมี
แต่คำว่าใหม่ก็มีปัญหาเหมือนกัน เวลาพี่จะดีไซน์ความใหม่ในแต่ละคอลเลคชั่น พี่ใช้โจทย์อะไรบ้างครับ บางทีพี่ก็เอาความคลาสสิคมาเลย มาแบบไม่แปลงเลย แต่ความคลาสสิคบางอย่างในบางยุค ก็อาจจะเป็นสิ่งที่คนยุคนี้มองข้าม พอเป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้าม เมื่อนำกลับมามันก็คือความใหม่ของคนยุคนี้ พี่ก็จะดึงกลับมาเล่น
-สัมภาษณ์โดย โน้ต พงษ์สรวง
โชว์ของ Kloset ที่ ELLE Fashion Week 2017 คือวันศุกร์ ที่ 1 กันยายน เวลา 21.00 น.
댓글