top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

ทิ้งรักลงแม่น้ำ: ลูกชายวิเวียน เวสต์วูด จัดงานฌาปนกิจพังค์ร็อคมูลค่า 222 ล้านบาท

จู่ๆ โจ คอเร่ วัย 48 ปี ลูกชายของวิเวียน เวสต์วูด เจ้ใหญ่แห่งตำนานพังค์ และมาลคอม แมคลาเล็น (เสียชีวิตปี 2010) ผู้จัดการวง Sex Pistols หอบสมบัติพังค์มูลค่ารวมกันประมาณ 5 ล้านปอนด์ (222 ล้านบาท) ขึ้นแรือแล้วเผาโชว์กลางแม่น้ำเธมส์ ในวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 40 ปีของอัลบั้ม Anarchy in the U.K. ของวง Sex Pistols


ก่อนหน้านี้ก็ลือๆ กันว่าสถานฌาปณกิจสมบัติพังค์อาจจะเป็นที่ย่านแคมเด้น เชลซี หรือไม่ก็บริกซ์ตัน แต่สุดท้ายโจออกเรือไปเผากลางแม่น้ำเธมส์ โดยบอกล่วงหน้าแค่ในตอนเช้าวันเผา เพื่อป้องกันไม่ให้แฟนเพลงและนักสะสมมาขัดขวาง บนเรือมีป้ายเขียน “สูญพันธ์ุแล้ว! อนาคตพวกมึง” (Extinction! Your Future) ของที่เผามีแต่ไอเท็มเด็ดๆ ที่นักสะสมจะต้องน้ำตาคลอ เช่นแถบบันทึกเสียงต้นฉบับของ Sex Pistols, เสื้อผ้าของวิเวียน เวสต์วูสต์ และจอห์นนี่ ร็อตเท็น นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตา Sid Vicious ปักโลโก้นาซี ระหว่างเผาก็มีการจุดดอกไม้ไฟปุ้งปั้งระรื่นมาก ทั้งนี้ไม่ได้เผาข้าวของอย่างเดียว แต่เผาหุ่นนักการเมืองด้วย หุ่นสามตัวนั้นได้แก่ เดวิด คาเมรอน (นายกอังกฤษคนก่อน) เทเรซ่า เมย์ (นายกคนปัจจบัน) และจอร์จ ออสบอร์น (รัฐมนตรีคลัง) ตอนเผาขุ่นแม่วิเวียนยืนเชียร์ลูกชายอยู่บนฝั่ง ข่าวบอกว่านางออกจะชอบอกชอบใจ เผาเลยลูก! เผาแม่งเลย! 


บ้านนี้เขาแรง คนพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วเคยประกาศตอนปี 2000 ว่าจะลงสมัครผู้ว่าลอนดอน โดยมีนโยบายเปิดซ่องเสรีและขายเหล้าในห้องสมุด ส่วนการเผาครั้งนี้ ลูกชายแถลงว่าเป็นการประท้วงนิทรรศการ 40 ปีพังค์ “Punk London” ที่ Museum of London ซึ่งจัดโดยสำนักผู้ว่าการลอนดอน หอสมุดแห่งชาติอังกฤษ และ สถาบันภาพยนตร์อังกฤษ โดยงานนี้มีทั้งนิทรรศการ คอนเสิร์ต สัมนา ฯลฯ (น่าดูว่ะ) โจบอกว่าโมโหมากๆ ที่ลอนดอนจัดงานแบบนี้ เพราะพังค์เริ่มต้นจากการต่อต้านรัฐบาลและอภิสิทธิ์ชน  แล้วรัฐบาลจะเสือกหน้าด้านจัดงานฉลองทำบ้าอะไร?!


“ทำอย่างกับว่าพังค์เป็นแบรนด์อย่างแมคโดนัลด์ มีรัฐบาล สถาบันและบริษัทยักษ์ใหญ่เป็นเจ้าของ” โจบอก “ผมว่าตอนนี้เราพูดกันได้เต็มปากแล้ว ว่า punk is dead เลิกหลอกคนรุ่นใหม่ซักที ว่ามัน [การคิดแบบพังค์ในยุค 70s] สามารถจัดการกับปัญหาที่เขาเจออยู่ตอนนี้ หรือมีทางออกให้เขาได้ เพราะมันไม่มี ได้เวลาคิดหาวิธีใหม่ๆ กันแล้ว ดังนั้นเผาของเก่าทิ้งมันให้หมดแล้วเริ่มต้นใหม่ดีกว่า” เขาเสริมว่าถ้าพ่อเขาซึ่งเป็นหัวหอกของวัฒนธรรมพังค์ยังอยู่ และเห็นข้าวของที่สร้างมาโดนลูกชายเผาในวันนี้ พ่อเองก็คงคิดว่า ‘ฮาดี’

โจเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ชุดชั้นในสตรีแพงหูฉี่ Agent Provocateur เมื่อปี 1994 โดยเงินที่เอามาสร้างแบรนด์ ส่วนใหญ่ก็มาจากการขายสมบัติพังค์ของพ่อกับแม่นี่ล่ะ เมื่อถูกถามว่า อ้าว ที่บอกๆ ว่าเดี๋ยวนี้พังค์กลายเป็นสินค้าไปแล้ว ชีวิตที่ผ่านมาก็ร่ำรวยมาจากสินค้าพังค์ไม่ใช่เรอะ โจบอกว่า “ก็ไม่เถียง แต่ไม่ขายก็โง่ป่ะ คือมันไม่ใช่ว่าผมจะเอาข้าวของมาจัดนิทรรศการหรือทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพังค์ หรือเจ้าของวัฒนธรรมพังค์ซะที่ไหน ผมมีอะไรขายได้ผมก็ขายทั้งนั้นแหละ รถผมยังขายเลย อะไรที่ได้เงินผมก็ขายสิ”


ในการเผากรุพังค์ครั้งนี้ จอห์นนี่ ร็อตเท็น นักร้องนำ Sex Pistol ด่าเขาว่า “ไอ้เซียนเสื้อในเห็นแก่ตัว” ซึ่งโจก็ตอกกลับไปว่า “แล้วไง? ไม่มีใครสนใจคำพูดของตาคนนั้นมาเป็นสิบยี่สิบปีแล้วนะผมว่า”


หลายคนเสนอว่า แทนที่จะเผาทิ้ง เขาน่าจะเอาไปประมูลช่วยการกุศลมากกว่า ซึ่งในส่วนนี้โจบอกว่า “ก็เห็นเดี๋ยวนี้อะไรๆ ของรัฐก็เป็นการกุศลไปหมด ตอนนี้เรามีหน่วยงานการกุศลที่คนในบอร์ดมันได้ค่าจ้างกันปีละ 11 ล้านบาทต่อคน แบบนี้มันก็ครือๆ กับบริษัทมหาทุนใหญ่ๆ นั่นล่ะ” โจเห็นว่า ถ้าเอาไปประมูล คนที่มีปัญญาครอบครองก็คือนายธนาคารหรือนักสะสมผู้ร่ำรวยอยู่ดี ซึ่งคนเหล่านั้นเป็นทุกอย่างที่พังก์ต่อต้าน เผาให้มันจบๆ ไปนั่นล่ะ ดีที่สุด


อีกข้อเสนอคือ ถ้าไม่อยากบริจาคก็น่าจะขายแล้วเอาเงินไปซื้อกีตาร์ 28,000 ตัวไปแจกเด็กที่อยากจะเริ่มขบวนการพังค์ยุคใหม่ ซึ่งในข้อนี้โจตอบว่า “สำหรับผม พังค์ร็อคมันไม่เกี่ยวกับดนตรี ผมไม่รู้ว่ากีตาร์ 28,000 ตัวมันจะทำอะไรได้” เออ อันนี้เห็นด้วยนะ ถ้าเอาไปแจกด้วยกะว่าจะเด็กมันจะทำเพลงพังค์ แต่มันเสือกหักหลังทำเพลงแบบ Coldplay ก็น่าโมโหป่ะ โจบอกว่า ยุคนี้เขาไม่เห็นจะมีวงพังค์วงไหนที่เป็นกระบอกเสียงสักวง “ไหนลองว่ามาซิ ว่ามีวงไหนบ้างที่มันทำอะไรเป็นการขบถสังคมบ้าง” แต่ทั้งนี้ เขาบอกว่ายังมีวง Pussy Riot สามสาวรัสเซียที่ยังมีสปิริตพังค์เต็มเปี่ยม


“เดี๋ยวนี้พังค์เป็นแค่เครื่องมือทางการตลาดหลอกขายสิ่งที่คุณไม่ได้ต้องการ เป็นภาพลวงว่าคือทางเลือกที่แตกต่าง แต่จริงๆ ก็แค่หลุมพรางรูปแบบใหม่” เขาว่า “ถ้าผมไม่ทำสิ่งนี้ [เผาของ] คนก็ยังมัวแต่หลงไหลกันไปเรื่อยๆ ว่าพังค์นี่มันเท่จัง แล้วคนที่สนใจแก่นสารแนวความคิดของพังค์จริงๆ ก็จะรู้สึกถูกหักหลังไปเรื่อยๆ หลายคนก็คร่ำครวญว่าโอ๊ย เอามาประมูลแทนมั้ย ประมูลทำเหี้ยไร? มันคนละเรื่องกันเลย พวกนั้นมันก็คิดไรไม่ออกนอกจากเรื่องเงิน ข้าวของพวกนี้มันเป็นตัวแทนของแนวความคิด วิธีคิดในตอนนั้นต่างหากที่สำคัญ ข้าวของมันเป็นวัตถุจากแค่อดีต ไม่ใช่อะไรที่ต้องมาเก็บเป็นที่ระลึก” ว่าแล้วพี่แกก็ราดเบ็นซิน เผาทิ้งลงแม่น้ำ เลิกโหยหาอดีตกันเสียที…


เชี่ย…เด็กมันคงไม่เคยลำบากก็งี้ เสียดายว่ะ

bottom of page