Folsom Street Fair คือเทศกาลปิดถนนรวมพลคนรักชุดหนังที่จัดทุกปีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่มันเริ่มที่ถนนโฟลซั่มในซานฟรานฯ ในกลางยุค 60s และข้ามมาเบอร์ลินเมื่อ 15 ปีก่อน (2004) สาระของเทศกาลคือให้คนที่มี fetish การใส่ชุดหนังหรือชุดยาง รวมทั้งชื่นชมการพันธนาการเช่นโดนมัดโดนล่ามได้มารวมตัวกันเมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาและมีคนมาน่าจะสามหมื่นคนทีเดียว
เป้าตุงกันค่อนงาน มีทั้งที่แต่งเป็นหมามีโซ่ล่ามคอให้นายจูง มีแต่งเป็นสิงห์มอเตอร์ไซค์ พวกที่เป็นตำรวจก็เยอะมากๆ แล้วก็โอ้โห ที่ไม่แต่งอะไรเลยแต่เดินโชว์หัมอลังการไม่แคร์เวิลด์ก็มี (แต่ไม่กล้าขอเขาถ่ายรูป) มันเหมือนการมีอยู่จริงของชายกำยำบึกบึนในชุดหนังรัดติ้วจากภาพเขียนของ Tom of Finland
เดินจากสถานีนอลเลนดอร์ฟ (Nollendorfplatz) สิบนาที ยิ่งเดินใกล้งานเท่าไหร่ความเกย์ก็ยิ่งเข้มข้น จนมาเจอฝูงชนที่ศูนย์กลางของเทศกาลซึ่งอยู่ถนนหน้าบาร์เกย์พรินซ์เน็ค (Prinzknecht) กลิ่นชุดยางกลิ่นเดียวกับลูกโป่งปะทะจมูก เช่นเดียวกับกลิ่นหนังที่ถ้าหลับตาเดินก็รู้สึกเหมือนเดินอยู่ในร้านเครื่องหนังเลย
สองข้างทางมีการออกร้านเครื่องพันธนาการ แซ่ โซ่ และชุดหนังชุดยางต่างๆ มีการสาธิตวิธีมัด มีผู้คนจากทั้งในและนอกเบอร์ลิน มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดี ผู้คนอยู่บนถนนกันถึงเที่ยงคืน จากนั้นมีปาร์ตี้ต่อในคลับใหญ่แถวๆ สถานีโนแลนดอร์ฟ
เรื่องการโดนล่ามโดนมัดนี่ผมพอเข้าใจได้เพราะใครก็เคยโดยกันทั้งนั้นใช่ไหม แต่การแต่งชุดหนัง ชุดยางนี่ สำหรับคนจากเมืองร้อนอย่างผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ว่ามันเซ็กซี่เร้าใจอย่างไร
อ้าว อะไรนะ คุณไม่เคยโดนล่ามเหรอ โทดทีๆ
เรเชลเป็นแด๊นเซอร์ เธอมาจากอเมริกา แต่อยู่เบอร์ลินมาหกปีแล้ว
ทำไมถึงมางานนี้ครับ
มาเพื่อสนับสนุนกลุ่มเกย์และความเปิดกว้างทางรสนิยมทางเพศค่ะ มันรู้สึกดีนะคะ ที่ได้กอยู่ร่วมกับผู้คนที่แสดงออกถึงเสรีภาพทางเพศสภาพของตัวเอง
อะไรทำให้หนังหรือยางลาเท็กซ์เป็นสิ่งเร้าอารมณ์ครับ
ฉันว่าคงเพราะสัมผัสของมันค่ะ มันมาจากเฟติช (fetish) ที่ถ้าคุณชอบเล่นต่อรองอำนาจบนเตียง (power play) หรือชอบโดนมัด คุณก็จะหาวัสดุที่มาเล่นด้วย วัสดุที่เหมาะสมและแข็งแรงพอที่จะรองรับความหนักหน่วงแต่ละระดับของเกมส์นั้นได้ ส่วนพวกชุดยางลาเท็กซ์ก็เป็นเฟติชที่น่าสนใจตรงที่แม้มันจะห่อหุ้มร่างกายทั้งหมดแต่ก็ยังเปิดเผยทุกสัดส่วนอยู่ ซึ่งพวกลาเท็กซ์นี่ต่อมาธุรกิจแฟชั่นก็เอาไปพัฒนาใช้ออกแบบเสื้อผ้าในชีวิตประจำวันกันเยอะนะคะ
มาร์คและยานจากเบอร์ลิน ทั้งคู่ทำงานออฟฟิศ
ยาน: ผมก็มาเพื่อความสนุก มาช็อปปิ้งของที่ขายบนถนน และเจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน
ยาน ผมไม่ค่อยใส่หนัง ผมชอบยางมากกว่า ความรู้สึกตอนใส่มันดีนะ มันฟิตแนบร่างกายดี แล้วก็มันวาว สีสวย
มาร์ค: ผมชอบทั้งหนังทั้งยางเลย แล้วก็ชอบดูผู้ชายใส่มันด้วย มันเป็นวัสดุที่ทำให้รู้สึกระทึกใจเวลาอยู่บนตัวผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่คุณมีเซ็กส์ด้วย แต่มันก็อธิบายยาก เพราะถ้าคุณไม่อินกับมันก็ไม่เข้าใจ
LGBTQ ในเบอร์ลินเป็นไงบ้างครับ
มาร์ค: เป็นเมืองที่ใจกว้างมาก มีทุกเพศที่คุณตามหา ไม่ว่าคุณจะชอบเพศชาย หญิง กะเทย เลสเบี้ยน ทุกที่เปิดรับอยู่รวมกันได้หมด
บาร์โปรดของคุณในเบอร์ลินคือที่ไหนครับ
ยาน: ก็บาร์พรินซ์เน็คนี่ล่ะ มันเป็นที่ๆ คุณจะได้เจอคนใหม่ๆ ถ้าคุณเป็นเกย์แล้วไม่รู้จะเริ่มที่ไหน ที่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่คุณจะได้รู้จักคนใหม่ๆ
เยาชาเป็นนักชีววิทยาจากเบอร์ลิน ส่วนแมทเธียสเป็น Museum Creative Director
แมทเธียส: ผมชอบผู้ชาย และผู้ชายก็เซ็กซี่มากในชุดหนังเนี้ยบๆ อย่างงานอดิเรกผมก็แข่งรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งก็เป็นเรื่องหนังๆ มันก็เลยเป็นความชอบทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตงาน
กลุ่มคนชอบ fetish ในเบอร์ลินเป็นอย่างไรครับ
แมทเธียส: ผมว่ามันเป็นแม่เหล็กสำหรับคนชอบเฟติชทั่วโลกเลยล่ะ อย่างงานนี้่ก็มีคนมาจากหลายประเทศ เบอร์ลินเป็นเมืองที่ LGBT ทั่วโลกรักอยู่แล้ว เพราะเราเปิดกว้างมาก
คลับโปรดเของคุณในเบอร์ลินล่ะครับ
Lab.Oratory บาร์นี้เขาทำเป็นห้องลับ มันเหมือนรองลงมาจาก Berghain ที่โด่งดังระดับโลก ถ้าไปให้ไปวันศุกร์นะ คนอาจจะเป็นพันเลย แล้วมีโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ด้วย มันสนุกมาก มันสดใหม่ มันคลั่งมาก
โอเล่และเคนท์มาจากนอร์เวย์
โอเล่: ที่กรุงเทพฯ เขาไม่ใส่ชุดหนังกันเหรอ
ก็คงมีล่ะครับ แต่ผมไม่ได้ใส่ ผมว่ามันร้อนไปหน่อย
เคนท์: It’s never too hot to wear leather!
โอเล่: ผมชอบเบอร์ลินนะ ผมมาที่นี่ปีละสองสามครั้ง ถ้าดูจากสถานการณ์ทั้งการเงินและการเมืองของยุโรปตอนนี้ เบอร์ลินสนุกสุดแล้ว มันใจกว้างมาก ต่อให้คุถณใส่ชุดหนังขึ้นรถเมล์ รถใต้ดินคนก็มองเป็นเรื่องปกติ
คุณชอบชุดหนังเพราะอะไร
เคนท์: ผมชอบกลิ่นและความรู้สึกของมันเวลาอยู่แนบผิวหนัง ที่สำคัญผมชอบทั้งภาพและกลิ่นเวลาที่ผู้ชายเหงื่อโชกถอดชุดหนังออก
Kommentare