คอนเวิร์สร่วมกับ Dudesweet นำเสนอผลงานช่างภาพรุ่นใหม่สามคน โดยให้แต่ละคนใช้เรื่องสั้นจากนักเขียนชื่อดังของไทยเป็นโจทย์ตั้งต้น ว่าพวกเขาจะใช้จินตนาการตีความตัวหนังสืออกมาให้เป็นภาพถ่ายอย่างไร เรื่องสั้นสามเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อโปรเจ็คต์นี้โดยเฉพาะ แต่งโดยปราบดา หยุ่น, 'ปราย พันแสง และ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ภาพโดย: กอบกฤต ธิติธนวรรษ (เม้ง) @analogmudman
ไตล์ลิสต์: จิรัฏฐ์ ทรัพย์ไพศาลกุล @sanshai แบบ: ธาดา ฤทธิยา (บู้บี้) @bubie_thada พูนศิริ แสนอุบล (เพลง) @whycantttyoubemine
ดาดฟ้าเหตุการณ์
เรื่องสั้นโดย ปราบดา หยุ่น
ภาพโดย กอบกฤต ธิติธนวรรษ
เดิมทีเขาขึ้นมาเพื่อหามุมสูบบุหรี่ แต่ไปๆมาๆมันกลายเป็นพื้นที่ที่มีความหมายสำหรับเขามากกว่านั้น หลายครั้งเขาประหลาดใจเมื่อตระหนักว่าตนกำลังยืนมองทัศนียภาพเมืองอยู่นิ่งๆโดยไม่ล้วงบุหรี่ออกมาบำเรอปากสักมวน แค่ยืนนิ่ง สายตาจดจ้องมองตึกรามบ้านช่องของผู้คนอยู่อย่างนั้น แม้กระแสลมร้อนจะไม่รู้สึกเป็นมิตรเท่าไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ แม้แสงแดดจะโหดร้ายกับผิวกายและระคายนัยน์ตากว่าแสงไฟนีออนบนฝ้าเหนือโต๊ะทำงานภายในตึก แต่ดูเหมือนว่าดาดฟ้าแห่งนี้ได้กลายเป็นทั้งจุดพักใจและพื้นที่เยียวยาอารมณ์ของเขาไปแล้ว
ความสูงของตึกแปดชั้นไม่ถึงกับทำให้เขารู้สึกอยู่เหนือเพื่อนมนุษย์ แต่มันมีระยะห่างจากผิวโลกพอจะมอบความผ่อนคลายบางอย่างได้ และเมื่อใดที่เขานั่งเหม่อลอยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน เขามักจะบอกตัวเองให้ลุกขึ้นไปเหม่อลอยบนดาดฟ้าโดยปราศจากเหตุผลรองรับว่ามันดีกว่าอย่างไร
บ่ายนี้ก็เช่นกัน โชคดีที่ฟ้ามีเมฆคลุมครึ้ม เขาจึงขึ้นมายืนลอยใจสบายๆ โดยไม่ถูกไอระอุของแดดแผดไล่ จุดบุหรี่สูบ มองสายควันขาวรสขมม้วนตัวแล้วสลายหายไปในอากาศซ้ำๆสักพัก แล้วจึงสังเกตเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งบนดาดฟ้าตึกเบื้องหน้ากำลังโบกไม้โบกมือให้ ตึกนั้นสูงกว่าตึกที่เขาอยู่ประมาณห้าชั้น แต่ระยะห่างระหว่างสองตึกทำให้เขาไม่ถึงกับต้องแหงนหน้ามองเด็กทั้งสอง เขาปล่อยก้นบุหรี่ให้หล่นลงพื้นปูนแล้วบดขยี้บนด้วยส้นรองเท้า รีรอว่าควรโบกมือตอบรับพอเป็นมารยาทหรือหันหลังเดินจากไปเสียเฉยๆ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจำเป็นต้องญาติดีกับคนแปลกหน้าต่างยอดตึก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง ก็มีเสียงเด็กสาวแผดเสียงดังขึ้นใกล้ๆว่า: “เออ เดี๋ยวพร้อมแล้วกูส่งสัญญาณอีกที”
เจ้าของเสียงเป็นสาวถักเปียยาว ผิวขาวจนสะท้อนสว่างบนฉากสีเทาอึมครึมของสภาพอากาศ สวมเสื้อยืดใหญ่เกินตัวจนดูเหมือนจะหลุดหล่นลงจากหัวไหล่อยู่ตลอดเวลา กางเกงยีนส์สั้นเต่อ ถูกชายเสื้อยืดปกปิดไว้ทำให้คล้ายท่อนล่างเปลือยเปล่า เธอโบกมือไปยังคู่หนุ่มสาวบนอีกดาดฟ้า แล้วก้มมองโทรศัพท์มือถือ ใช้นิ้วจิ้มจอพลางพึมพำว่า “ตะโกนแล้วพวกมันจะได้ยินเหรอวะ...สัส” เขาเดาจากสถานการณ์ว่าเธอน่าจะด่าตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เขาโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่ได้เสร่อโบกมือกลับให้เด็กสองคนนั่น “อ้าว ขอโทษค่ะ หนูไม่เห็นว่ามีคนอยู่” เด็กสาวหันมามองทันทีที่เขาขยับตัวเพื่อเดินไปยังประตูเข้าตัวอาคาร เขาส่ายศีรษะเบาๆ ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ก่อนตอบว่า “ไม่เป็นไร ตามสบายครับ ผมไม่ใช่เจ้าของตึก แค่ขึ้นมาสูบบุหรี่” เด็กสาวมองจอมือถืออีกครั้งแล้วชำเลืองกลับมาที่เขาแทบทันที เหมือนฉุกคิดเรื่องสำคัญขึ้นได้กะทันหัน “พี่สนใจเป็นส่วนหนึ่งในโครงการของพวกหนูมั้ยคะ” “โครงการ...โครงการอะไรครับ” เขาถามกลับ “พวกเรากำลังออกแบบการจำลองเหตุการณ์บนดาดฟ้าแล้วบันทึกภาพด้วยมุมมองบนอากาศด้วยกล้องโดรน กลุ่มเพื่อนของหนูกระจายตัวไปตามดาดฟ้าต่างๆเท่าที่พอจะขึ้นได้...” พูดถึงตรงนี้หญิงสาวก็ส่งสายตาไปยังเพื่อนทั้งสองของเธอบนตึกเบื้องหน้า แล้วจากนั้นก็มองต่อไปทางซ้ายเล็กน้อย เมื่อเขาหันตามจึงสังเกตเห็นอีกสองร่างมนุษย์อยู่บนดาดฟ้าอีกตึก ไกลออกไปกว่าเดิม
“มีกันกี่คนครับนี่...ขึ้นกันกี่ดาดฟ้า” คราวนี้เขาไม่ได้ถามเป็นมารยาท แต่อยากรู้จริงๆ “ตอนนี้ห้าค่ะ เพื่อนบางกลุ่มยังขึ้นไม่ถึงดาดฟ้า แต่เราจะทำกันหลายครั้ง หลายมุมเมือง...วันนี้เพิ่งเริ่มเป็นวันแรก” “น่าสนุกดีนะครับ แต่ผมจะให้ผมร่วมยังไง” “พอดีหนูอาจจะขาดคนน่ะค่ะ” หญิงสาวกล่าว เจือด้วยความประหม่าบางๆในน้ำเสียง “เพื่อนที่ต้องขึ้นมาดาดฟ้านี้กับหนูยังติดต่อไม่ได้เลย ไม่รู้หายหัวไปไหน…” “แล้วผมจะต้องทำอะไร...หมายถึงถ้าจะร่วมด้วย” “สำหรับวันนี้ คอนเซ็ปต์ภาพคืออีโรติกออบเซสชั่น...พวกเราแบ่งกลุ่มกันเป็นห้าคู่ อยู่บนคนละดาดฟ้าของห้าตึกที่ใกล้กัน...ใกล้พอที่โดรนจะเก็บภาพครบในเฟรมเดียว แต่ละคู่จะแสดงเป็นคู่รักที่กำลัง...ใกล้ชิดกัน” “ใกล้ชิด...” เขาพูดตามหญิงสาวเบาๆ “อย่างสองคนนั่น” หญิงสาวผงกศีรษะเป็นสัญญาณชี้ไปที่ดาดฟ้าตรงข้าม “เขาเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ก็จะเปลือยกายนอนทับกัน”
เขากลืนน้ำลาย “แล้วคุณจะทำอะไรครับ”
หญิงสาวนิ่งคิดหนึ่งอึดใจ แล้วตอบพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าเพื่อนหนูมาตามที่นัดกันไว้ ก็จะเป็นการแสดงอีกแบบ แต่พี่ไม่ต้องรู้ก็ได้ค่ะ มันไม่เหมาะที่เราจะทำตามแผนเดิมในฐานะคนแปลกหน้า ถ้าพี่จะทำ พี่แค่ยืนให้หนูโอบกอดจากข้างหลังก็พอ หนูจะถอดเสื้อยืดออก แต่พี่ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ ยืนเฉยๆเลยค่ะ”
สมองของเขาพยายามเรียบเรียงถ้อยคำที่ได้ยิน ตาจ้องมองใบหน้าหญิงสาวราวกับว่าเธอจะอันตรธานไปในอีกไม่กี่วินาที เพราะเป็นเพียงร่างหลอนในจินตนาการของเขาเท่านั้น แต่ดูเหมือนเธอจะมีอยู่จริง
“แต่ถ้าพี่ไม่สบายใจก็ไม่เป็นไรนะคะ หนูแค่เสียดายที่จะไม่ได้ภาพตามที่คิดไว้เพราะเพื่อนเท...อย่างน้อยได้อะไรแทนก็ยังดี” “ใช้เวลานานแค่ไหนเหรอครับ”
หญิงสาวก้มมองจอมือถืออีกครั้ง “ตอนนี้ทุกคู่อยู่บนดาดฟ้าหมดแล้ว ถ้าเพื่อนหนูยังไม่ตอบข้อความหรือยังไม่โผล่มาภายในห้านาที ก็ควรจะเริ่มงานเลยค่ะ”
“ห้านาที...” เขานึกถึงงานที่รออยู่ข้างล่าง นึกถึงเจ้านายที่อาจเดินมาทวงถามความคืบหน้า หันไปมองคู่หนุ่มสาวบนดาดฟ้าตรงข้ามซึ่งกำลังถอดเสื้อผ้าออก แล้วย้อนกลับไปประสานสายตากับหญิงสาวเบื้องหน้าตัวเอง
เขารู้สึกได้ถึงความเย็นและชาของฝ่ามือทั้งสอง
“ให้ผมเป็นคนกอดได้มั้ย...จากข้างหลังน่ะ” เขาถามเแผ่ว แต่กระแสลมที่ม้วนตัวอยู่ในอากาศจังหวะนั้น ช่วยส่งให้เสียงของเขาเดินทางไปถึงหูของหญิงสาวอย่างปลอดภัยและชัดถ้อยชัดคำ
เกี่ยวกับช่างภาพ
เม้ง กอบกฤต ธิติธนวรรษ อายุ 19 ปี เพิ่งจบ ม.6 และเดือนนี้จะเริ่มเรียนเรียนสาขาศิลปะภาพถ่ายที่มหาวิทยาลัยรังสิต เขาชอบถ่ายภาพแนวสตรีทและภาพเชิงสถาปัตย์มาก งานของเม้งมีจุดแข็งที่การนำเสนอความหนักแน่นของของเหลี่ยม เส้น มุมของอาคาร ให้เป็นภาพถ่ายองค์ประกอบมินิมัล
พออ่านเรื่องนี้จบแล้วเม้งรู้สึกอย่าง? ชอบครับ ยิ่งตอนจบของเรื่องเป็นการจบแบบปลายเปิด ที่ทิ้งคำถามไว้แต่ไม่ให้คำตอบให้เราคิดต่อเอาเอง ซึ่งเรื่องสั้นเรื่องนี้มีเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกที่หลายทางมากๆ แล้วแต่ตัวผู้อ่านจะตีความเลย จะไปทางดาร์กๆ และมีความ sexual หน่อย หรือจะไปแนวใสบริสุทธิ์ไปเลยก็ได้ ส่วนตัวละครในเรื่องมีบางอย่างที่คล้ายผม เช่นการเอาตัวเองออกจากความวุ่นวายของโลก อย่างตัวละครนี้เขาจะขึ้นไปสูบบุหรี่ที่ดาดฟ้า ส่วนตัวผมจะก็ชอบการออกไปเดินเรื่อยเปื่อยข้างนอกตามที่ต่างๆ คนเดียวพอได้ทำอย่างงั้นผมรู้สึกว่าผมได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง รู้สึกว่าได้ isolate ตัวเองแล้ว
มีวิธีคิดในการตีความออกมาเป็นภาพอย่างไร ?
ผมคิดว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้ที่สถานที่หลักมันเกิดขึ้นที่ดาดฟ้า มันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ซึ่งมันตรงกับสไตล์ภาพที่ผมถ่ายอยู่แล้ว ผมเลยพยายามใส่ความเป็นตัวผมลงไปซึ่งก็คือการถ่ายภาพแนวสถาปัตย์ มีมุมตึกต่างๆ ลงไปในภาพเซ็ทนี้ แล้วบวกกับอารมณ์หม่นๆ เล็กน้อยที่ผมได้จากการอ่านเรื่องนี้
Comments