top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

6 กิจกรรมวัยรุ่นยุค 90s ที่สูญพันธ์ุไปแล้ว

พี่เซียนสอนน้อง โดย พี่เซียน

เด็ก 90s จะเข้าใจดีกว่าการอดทนรอคอยนั้นสำคัญเพียงใด

สวัสดีไอ้น้องที่รัก ก็อย่างที่เอ็งรู้กันแล้ว ว่าเจอข้าบนเว็บนี้เมื่อไหร่ แสดงว่าเขาอัญเชิญข้ามาเล็คเชอร์พวกเอ็ง เพราะข้ารู้ทุกอย่างในโลก จะเป็นรองก็แค่อาจารย์วีระที่แท็กซี่ชอบเปิด


ไอ้น้อง ก่อนอื่นพี่ขอเป็นตัวแทนคนรุ่นพี่ ในการขอโทษน้องๆ ทุกคนที่พ่อแม่ตั้งชื่อให้ว่า โมเด็ม, ไอซีคิว, เกมบอย, ซีดี ฯลฯ พี่อยากให้พวกเอ็งเข้าใจกันหน่อย ว่าพ่อแม่เอ็งเขาก็เคยมีช่วงเวลาที่อินกับของเดิ้นๆ ล้ำๆ ของยุคเขาเหมือนเอ็งนี่ละ แต่บางคนดันอินไปหน่อยจนเอามาตั้งชื่อลูกไง แล้วชื่อเล่นแม่งเสือกเปลี่ยนยากกว่าชื่อจริง ไม่เป็นไรนะน้องโมเด็ม น้องซีดี เอ็งต้องอยู่กับมันให้ได้ ข้าเป็นกำลังใจให้


อันการเป็นวัยรุ่นนั้นลำบากนัก โดยเฉพาะเป็นวัยรุ่นฐานะปานกลางถึงต่ำในยุค 90s แต่วันนี้เราจะไม่พูดถึงความลำบากด้านวัตถุ ไอ้เรื่องประเภทเพจเจอร์ เรื่องไม่มีมือถือ หรือการกรอเทปด้วยปากกา เพราะมันซ้ำซาก เราจะพูดถึงแก่นของการเป็นวัยรุ่นยุค 90s ที่แท้จริง ซึ่งหลักๆ ก็มีแค่ชักเว่า จีบหญิง แล้วก็แดกเหล้าก่อนวัยอันควร และนี่คงเป็นเหตุให้กิจกรรมไร้สาระเหล่านี้สาบสูญ

 

1. แลกหนังสือโป๊กับเพื่อน

การพกสิ่งของต้องห้ามไปโรงเรียนช่วยบริหารกล้ามเนื้อหัวใจให้เต้นตูมตาม แบบเดียวกับการขับรถขนยาบ้าผ่านด่านตำรวจ เพราะถ้าหนังสือโป๊โดนยึดขึ้นมานอกจากจะซวยแล้วยังเสียวฝ่ายปกครองโทรไปบอกที่บ้าน มันน่าอายนะมึง ที่พ่อแม่จับได้ว่าเอาเงินค่าขนมไปซื้อหนังสือโป๊ แต่โดยมากเมื่อโดนยึดแล้วจะไม่เคยได้คืน ข้าว่าอาจารย์วิษณุฝ่ายปกครองแกเก็บไว้ดูเอง


หนังสือโป๊นี่เป็นอะไรที่สะท้อนสัจธรรมชีวิตว่าบางทีเราก็เลือกไม่ได้ นางแบบหน้าปกสวยเช้ง แต่เปิดมาหล่อนถ่ายแค่เซ็ตวาบหวิวนุ่งน้อยห่มน้อย แต่ไอ้เซ็ตที่โป๊หมอยฟูอล่างฉ่างเห็นทุกรูในร่างกายที่เอ็งอยากดู ดันเป็นป้าที่ไหนก็ไม่รู้ที่หน้าตาเหมือนแม่เพื่อน แต่โอเค ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร นักอ่านอย่างเราปลอบใจตัวเองด้วยการเปิดไปคอลัมน์ประสบการณ์เซ็กส์จากทางบ้าน เป็นความสยิวในยุคที่คนไทยยังอ่านหนังสือเกินแปดบรรทัด ที่มักจะมีประโยคประมาณว่า “โอย…พี่เบิ้ม หนูเสียวไปหมดแล้ว… *วยพี่*ย็ดอร่อยจริงๆ เลยพี่จ๋า…” 

2. อัดเทปรวมเพลงฮิต (Mixed Tape)

จะทำได้ต่อเมื่อเอ็งมีวิทยุสองหัวเทป ซึ่งแพง ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีเทปเปล่า stand-by อยู่ในวิทยุไว้คอยกดอัดเพลงรายการวิทยุตอนทำการบ้าน แต่ก็จะหงุดหงิดหน่อยเวลาติดเสียงดีเจตอนหัวเพลง แต่จะให้ทำไงได้ อยากฟังเพลงแต่เทปเพลงไทยตั้งม้วนละ 80 บาท บางทีชอบแค่เพลงเดียว ค่าขนมได้แค่วันละ 40 บาท เดือนนึงซื้อสามม้วนก็เก่งแล้ว


และถ้าจะให้เซียน เขาต้องกะเวลาให้พอดีไม่ให้เทปหมดกลางเพลง หรือมีเนื้อเทปเหลือหลังเพลงสุดท้ายนิดนึงเว้ย แต่ถ้าเอ็งไม่อยากทำเอง บางทีแผงเทปตามข้างทางหรือในตลาด (ใช่แล้ว เมื่อก่อนข้างทางและในตลาดสดมีแผงเทปเป็นเรื่องปกติ) เขาก็มีบริการรับอัดเทปรวมฮิตตามลิสต์ที่เอ็งสั่ง ม้วนละร้อยมั้งถ้าจำไม่ผิด เอ็งจะเอาเพลงอะไรล่ะ? เอางี้ เดี๋ยวข้าลิสต์ให้ เพราะข้าว่าอย่างเอ็งก็คิดเป็นแค่แกรมมี่กับ RS แหละ


หน้า B 1. ทาทา ยัง – รบกวนมารักกัน 2. ให่ม เจริญปุระ – รักแล้วรักเลย 3. บอยสเกาท์ – แก๊งใจง่าย 4. Extreme – More Than Words


นั่นนี่ นั่นนี่ เทปหน้านึงมันยัดได้อย่างมากก็แค่ 8 เพลงเท่านั้นล่ะ แต่เอ็งอาจจะปิดเพลงสุดท้ายของหน้า B ด้วยเพลงที่ไม่เข้าหมวดเพื่อความหักมุมในรสชาติชีวิต


7. หิน เหล็ก ไฟ – พลังรัก


เอาไปเลย เทปแทนใจใช้จีบน้องพลอยห้อง 5 ศิลป์-คำนวน

จะของจริงของปลอม ก็ควรเช่ามาบูชาอย่างน้อยคนละใบ

3. ไปฟังเพลงบ้านเพื่อน

ความเพลิดเพลินหลังเลิกเรียนหรือเสาร์อาทิตย์ของพวกเอ็งอาจเป็นการเดินพาราก้อน แต่ของวัยรุ่นปากน้ำอย่างข้าคือการไปฟังเพลงบ้านเพื่อน ก็อย่างที่ข้าบอกไปแล้วว่าเทปมันแพง มันจึงเป็นสมบัติที่นิยมผลัดกันชมเพื่อประหยัดค่าขนมอันน้อยนิด ที่จริงการไปฟังเพลงบ้านเพื่อนเป็นแค่เหตุผลบังหน้า เทปที่มันซื้อมาใหม่ก็เปิดทิ้งไว้เป็นบรรยากาศอย่างนั้นล่ะ


เราไปบ้านเพื่อนเพราะที่นั่นมักมีอะไรที่เราไม่มี เช่นมีวิดีโอเกมส์ให้เล่น มีหนังให้ดู มีแม็กกาซีนเจ๋งๆ ให้อ่าน มีกีตาร์ให้ดีด มีลีวายส์ริมแดงให้ลอง มีด๊อคเตอร์มาร์ตินส์ให้ยืม แถมแม่มันก็ชอบทำอาหารให้กิน คือมีกิจกรรมทุกอย่างที่พาราก้อนของเอ็งมีเลย ต่างกันตรงที่ของข้าไม่เสียตังค์ นอกจากนี้การ "ไปฟังเพลงกัน" ยังใช้เป็นข้อเสนอเห่ยๆ ในการชวนหญิงมานั่งเล่นที่บ้านได้ด้วย แต่เห่ยแบบนี้บางทีแม่งก็เวิร์คว่ะ


4. เพื่อนทางจดหมาย (Pen Pal)

ข้ามีความลับจะบอกเอ็ง แต่ขอร้องเอ็งอย่าบอกใครนะ ข้าอุตส่าห์เก็บงำมาสามทศวรรษเพราะไม่อยากเผยชีวิตภาคอ่อนโยนให้ใครรู้ คืองี้ ข้าเคยมีเพื่อนทางจดหมายเว้ย หล่อนชื่อโบว์ บ้านอยู่แถวบุคโล มันเริ่มจากตอน ม. 5 เพราะไอ้นุ้ย สริญญา มันชอบเล่น แล้วมันเอาที่อยู่จากคอลัมน์ประกาศหาเพื่อนในหนังสือ “เธอกับฉัน” มาให้เล่นเป็นเพื่อนมัน ทีแรกก็ว่าจะเขียนๆ ไปงั้น แต่กลายเป็นโต้ตอบยืดเยื้อกันสองปีจนหล่อนเข้ามหาวิทยาลัย พอชีวิตมัธยมเราจบลง ต่างฝ่ายก็คงมีชีวิตใหม่ที่สนุกกว่ามานั่งเขียนจดหมายหาคนแปลกหน้า หล่อนติดธรรมศาสตร์ ส่วนข้าไม่ได้เรียนต่อเพราะมัวไปตามล่า UFO กับอาจารย์เทพนม เมืองแมน

จะให้เท่ต้องซื้อกระดาษเขียนจดหมายที่ร้านตองห้า (555) ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น 555 Paper Plus

มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ได้เขียนเล่าเรื่องต่างๆให้คนไม่รู้จักฟัง เป็นความรู้สึกประหลาดเมื่อเห็นกระดาษเนื้อดีๆ ในร้านตองห้าแล้วอยากซื้อมาเขียนจดหมาย และมันเป็นความรู้สึกที่ทั้งสองฝ่ายมีเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพูดกันทั้งคู่ ว่าเราคุยกันด้วยลายมือแบบนี้ไปดีกว่า อย่าเจอตัวจริงกันเลย เพราะเรารู้ดีว่ามนต์ขลังในความสัมพันธ์ด้วยลายมือนี้อาจเสื่อมสลายหากเราเจอกัน


5. รอโทรศัพท์

ความทรมานสามัญของหนุ่มสาวยุค 90s คือการที่เธอบอกจะโทรแต่ก็ไม่โทรมา มันทรมานขนาดที่มีเพลงทั้งไทยและเทศเนื้อหาเกี่ยวกับการโทรศัพท์เป็นล้านเพลง ในขณะที่ตอนนี้ทุกคนมีเฟซบุ๊ก แต่ไม่เห็นมีใครเอาเฟซบุ๊กมาแต่งเพลงรักสักเท่าไหร่ เพราะแต่งไปมันก็ไม่โรแมนติคหรอก


ตัวอย่าง: “ทุกครั้งที่เธอกดไลค์ ดวงใจฉันสั่นไหว ตั้งสเตตัสบอกความในใจ อัพรูปสองเราไว้ ให้ใครรู้ว่าเรามีกัน”


เห่ยสัด


“การรอโทรศัพท์” ในยุค 90s คือการรอที่ต้องใช้พลังจิตทั้งหมดจดจ่อไปที่เครื่องโทรศัพท์, ลากมาวางใกล้ตัว, คอยยกหูเช็คว่ามีใครใช้อยู่หรือเปล่า อ้าวก็ไม่มีนี่หว่า เฮ้อ…สงสัยเขาขอเบอร์ไปอย่างนั้น ไม่ได้สนใจจะโทรมาจีบจริงจัง ป่านนี้ทิชชู่ที่จดเบอร์คงยู่ยี่ป่นปี้ไปหมดแล้ว ตัดใจเหอะ

ปนัดดา เรืองวุฒิ

6. สะสมตั๋วรถเมล์เพื่อเอามาพับดาวกระดาษ

ก็ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงเขายังเล่นกันอยู่หรือเปล่า ไอ้ที่เอาเลขท้ายสองตัวบนตั๋วรถเมล์มาบวกกันแล้วหารสอง ถ้าลงเลขคู่ท่านว่าเขาคิดถึงเรา, เลขคี่=เราคิดถึงเขา แล้วถ้าได้ตัวเลขพิเศษเช่น 2 หรือ 8 แสดงว่าเราและเขาคิดถึงกัน ฟังดูติงต๊องชิบหาย แต่การที่คนเราหาความสนุกเล็กๆ น้อยๆ กับของไร้ค่าแบบนี้ได้ แสดงถึงการเป็นคนมีสุขภาพจิตดี


แต่ไอ้ที่ข้าไม่เข้าใจจนถึงบัดนี้ คือการเอาตั๋วรถเมล์มานั่งพับดาวกระดาษสามร้อยดวงหรือมากกว่า เพื่อใส่โหลเอาไปให้หนุ่มที่แอบชอบ ข้อดีของการไม่มีอินเตอร์เน็ตคือเรามีเวลาเหลือเยอะแยะ แต่ข้อเสียคือบางคนมันก็เอาเวลามานั่งพับดาวกระดาษ!


นี่ไม่อยากจะคุยว่าตอนหนุ่มนี่ข้าได้เยอะมาก บางคนก็เขียนเนื้อเพลงปนัดา เรืองวุฒิใส่การ์ดแนบมาว่า “อยากทำมาให้เธอ ให้เธอรู้สึกดี ให้ดาวกระดาษนี้เป็นเพื่อนเธอ” ข้าก็รู้สึกดีนะ ได้มาทีไรก็เทดาวทิ้งแล้วเอาโหลไปเพาะปลากัดหมด 


เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน  สวัสดี.

 

ปาร์ตี้เพลง 90s ศุกร์นี้ที่ข้าวสาร เข้าฟรี มีครบทุกแนวแห่ง 90s


bottom of page