top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

เห็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ตกงาน เราเลยเอาใบสมัครแมคโดนัลด์ไปให้กรอก

วันนี้เป็นวันที่ 7 ตุลาคม 2017 เป็นเวลา 10 ปีแล้วหลังจากที่ คุณหญิงหน่อย - สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลาห้าปี พอหมดห้าปีที่ว่าก็เจอรัฐประหารต่อ ทั้งหมดทำให้เราไม่เห็นเธอในข่าวบ่อยๆ จะพูดว่าเป็นนักการเมืองตกงานก็ไม่ผิด

เช่นเดียวกับนักการเมืองทั่วประเทศที่อยู่ในภาวะตกงานและหายหน้าไปกันหมดหลังการยึดอำนาจ แต่ระหว่างที่หายไปคุณหญิงเธอก็มีงานที่ไม่เกี่ยกับการเมืองให้ชีวิตไม่ว่าง เธอศึกษาธรรมะและลงเรียนภาษาบาลีอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และมีโครงการหนึ่งของเธอที่เราเห็นว่าน่าสนใจ คือกองทุน Next AGRI ที่เป็นการร่วมงานกับคนรุ่นใหม่ คอนเซ็ปต์คือการนำเด็กรุ่นใหม่ไปจับคู่กับเกษตรกรที่ผลิตสินค้า เพื่อช่วยกลุ่มเกษตรกรได้เห็นแนวทางการผลิตและค้าขายใหม่ๆ ให้เกษตรได้มีรายได้มากขึ้น โดยมูลนิธิก็สนับสนุนเงินทุนในลักษณะของการระดมทุนจากบริษัทต่างๆ และหาตลาดรองรับทั้งไทยและต่างประเทศ เป็นการจับคู่กันเพื่อให้พลังความคิดสร้างสรรค์จากคนรุ่นใหม่ได้เจอกับความรู้ดั้งเดิมของชาวนา แล้วช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าของชาวนาแบบครบวงจร ตั้งแต่การวางแผนการผลิต วางแผนการตลาดทั้งในและนอกประเทศ ไปจนถึงออกแบบแพ็คเกจให้เก๋ไก๋เอาใจเทร็นด์ฮิปสเตอร์ เทร็นด์อาหารสุขภาพ กิจกรรมในชีวิตของนักการเมืองตกงานคนนี้ยังคงวุ่นทีเดียวล่ะ เธออาจจะตกงาน แต่ไม่เคยทำตัวให้ว่างงาน

 

คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ @sudaratofficial สัมภาษณ์ โดย โน้ต พงษ์สรวง

 


ผมเห็นว่าตอนนี้นักการเมืองตกงานอยู่ เลยเอาใบสมัครงานมาให้กรอก ไม่ทราบว่าคุณหญิงเคยกรอกใบสมัครงานหรือเปล่าครับ ไม่เคยค่ะ ครั้งแรก


สมัครตำแหน่งอะไรดีครับ ไหน มีอะไรบ้าง อันนี้แล้วกัน ผู้จัดการฝึกหัด แต่ต้องกรอกอายุด้วยเหรอ แล้วเขาจะรับไหมเนี่ยอายุเกิน


ก็เขาอาจจะไม่รับก็ได้ไงครับ โห มีต้องกรอกน้ำหนักด้วย ใครจะบอก

ชอบงานส่วนไหนที่แมคโดนัลด์สุดครับ อยากขายหน้าเคาเตอร์ ชอบขายของ ชอบบริการลูกค้า แต่ให้เก็บเงินอย่างเดียวไม่เอา เครียด

คุณหญิงทานฟาต์ฟู้ดบ่อยไหมครับ บ่อยเหมือนกัน เพราะบางทีไม่มีเวลาต้องอยู่แต่ในรถพี่ก็จะบอกเขาสองอย่าง ถ้าฟาสต์ฟู้ดก็เป็นแม็คโดนัลด์ เพราะว่ามันง่ายไม่เปื้อนมาก หรือไม่ก็ข้าวเหนียวไก่ย่าง หมูปิ้ง จะมีความเป็นเด็กเลี้ยงในรถโตในรถอยู่เหมือนกัน


แล้วทำอาหารอะไรอร่อยบ้างครับ แบบที่ทำแล้วลูกๆ ชอบ คอร์นเฟล็ก


อันนั้นมันแค่เทใส่ชามแล้วเทนมนี่ครับ นั่นล่ะ ทำอร่อยสุด หลังจากปฏิวัติคุณหญิงคงมีเวลาของตัวเองมากขึ้น ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้างไหมครับ พี่ได้วาดรูป ไปเรียนเรื่องศาสนา ไปทำกิจกรรมทางศาสนาที่เราไม่เคยทำ อย่างนั่งวิปัสนา เดินจงกรม ได้ฝึกจิตให้รู้จักกับปัจจุบัน กำจัดทุกข์ในใจ ได้เที่ยวหลังจากที่หายจากการเที่ยวไปนาน ได้ไปเป็นเกษตรกร แล้วก็ได้หัดทำกับข้าวอยู่ระยะนึง ช่วงที่ลูกคนโตเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนพวกเล็กๆ อยู่ประถมปลาย ตอนนั้นเป็นอารมณ์ว่าอยากมีความเป็นแม่ที่รอลูกกลับบ้าน แล้วเราก็ทำกับข้าวให้ลูกกิน ซึ่งไม่เคยมีอารมณ์นี้เลยนะ ตอนลูกชายคนโตยังเด็กๆเคยมีสื่อมาสัมภาษณ์เขาว่าคุณแม่มีเวลาหรือเปล่า คุณแม่ทำอะไรให้ทาน คุณแม่ทำอะไรอร่อยที่สุด มันก็ตอบไปว่าคอร์นเฟล็กซ์

“จำนวนบุตร 3 คน” ปีนี้ลูกคนโตอายุเท่าไหร่แล้วครับ พี่มีลูกสามคน แต่พี่เคยแท้งไปคนนึง ตอนนี้ลูกชายคนโตอายุ 29 แล้ว ส่วนอีกคนตอนนี้เรียนปีสอง เศรษฐศาสตร์จุฬาฯ คนเล็กเพิ่งเข้าปีนี้ ที่บัญชี จุฬาฯ


การเป็นลูกคนเดียวมาก่อน แต่พอตอนนี้เป็นคุณแม่ลูกสามเป็นยังไงครับ ก็แตกต่างตรงที่ว่าตอนพี่เป็นเด็กพี่จะเหมือนเป็นเจ้าบ้าน แต่พอมีลูกสามคน บางทีมีอะไรที่ขัดแย้งลูกเขาจะรวมหัวกันรุมพี่ แต่ก่อนพี่เคยใหญ่ที่สุดในบ้าน เดี๋ยวนี้พี่อาจจะเป็นแค่เสียงข้างน้อย แล้วพี่จะชอบนั่งฟังลูกคุย ลูกๆ เขาก็สนิทกันเหมือนทั้งเพื่อนและพี่น้อง ส่วนพี่กับลูกจะคบกันเหมือนเพื่อน ไปไหนก็ไปด้วยกัน ถ้าเขาให้เราไปด้วยนะ

การมีคุณแม่เป็นนักการเมืองใหญ่แบบนี้ คุณหญิงมีวิธีสอนลูกยังไงไม่ให้กร่างครับ ก็สอนตั้งแต่เขาเด็กเลย ให้เขามีความนอบน้อมถ่อมตน มีความกตัญญู เขามีมารยาทที่ดีอยู่แล้ว แล้วมันเป็นเหมือนวัฒนธรรมของบ้านตั้งแต่รุ่นพ่อแม่พี่แล้วว่าเราต้องไม่คิดว่าเราใหญ่กว่าคนอื่น อย่างถ้าคนในบ้านหรือพี่เลี้ยงทำอะไรให้เขาก็จะยกมือขอบคุณ เราก็สอนแบบนี้ ลูกพี่สามคนไม่มีใครกร่าง คุยใหญ่คุยโต ไม่มีใครมีเรื่องอะไร พี่ก็ไม่เคร่งครัดลูกมาก แต่ก็โชคดีที่ลูกเขาก็มีความรับผิดชอบ ไม่ได้เกเรอะไร แล้วก็เรียนใช้ได้ การเป็นลูกนักการเมือง คงมีคนเอาใจเยอะแยะไปหมดเลยนะครับ ไม่หรอก เด็กส่วนใหญ่เขาก็คบกันด้วยความเป็นเพื่อน เคมีตรงกันก็คบกัน เด็กๆ เขายังไม่มีจริตไง



แล้วคุณหญิงล่ะครับ การโตมาแบบลูกคนเดียวเป็นอย่างไร ตอนพี่เกิดพี่ตัวเล็กมากเลยไม่แข็งแรง ก็เฉียดตายตอนอายุแปดขวบ เหมือนมันแพ้อะไรไม่รู้ท้องเสียไม่หยุด ตรวจก็ไม่ได้เจอแบคทีเรีย ไม่ได้เป็นอะไร จนรักษาไม่ได้ อยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน หมอก็บอก เออ ทำใจเหอะเพราะไม่หาย อันนี้แม่เล่านะ เพราะเด็กก็จำไรไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าเจ็บตัวเกือบเฉียดตาย ดังนั้นแม่ก็จะเลี้ยงพี่แบบทนุถนอมมาก


พอพี่แข็งแรงขึ้น พ่อก็บอกว่าถ้าเลี้ยงแบบนี้ต่อไปเสียคนแน่ พ่อพี่นี่เลี้ยงพี่แบบยอดโหดเลย แต่เป็นโหดมันฮานะ เอาแค่เรื่องสอนขับรถ พ่อเขาสอนพี่ตอนมัธยมต้น แล้วมีวันนึงเขามารับพี่ที่โรงเรียน ตอนนั้นบ้านอยู่ลาดพร้าว แล้วพอขับไปถึงก่อนขึ้นสะพานประตูน้ำตรงเซ็นทรัลเวิลด์รถก็ติด แกก็หันมามองหน้าพี่แล้วบอก พ่อมีธุระ ขับกลับบ้านเองนะ แล้วแกก็เปิดประตูรถออกไปขึ้นรถเมล์คันที่จอดติดกัน คันหลังก็บีบแตรไล่ แล้วคนขับรถใหม่ๆ ทุกคนจะกลัวการข้ามสะพาน แล้วแต่ก่อนมันไม่เป็นเกียร์อัตโนมัติ พอมาจอดตีนสะพานรถคันหลังก็บีบแตรไล่อยู่นั่นแหละ พี่ก็เอาวะ ก็เลี้ยงครัชเสียงดังสนั่นเลย คันข้างหลังนี่กลัวกันหมด แล้วพอข้ามสะพานได้ พี่ก็เข้าบัสเลน ขับตามรถเมล์ไปจนถึงบ้านที่ลาดพร้าว รถเมล์จอดก็จอดด้วย จอดทุกป้ายจนถึงบ้าน นี่ล่ะ พ่อเขาก็จะเลี้ยงพี่แบบนี้

ข้อต่อมา "อาชีพปัจจุบัน"  ให้เรียกว่าอะไรดีอ่ะ ตกงานเหรอ? เขียนว่าอาชีพอิสระแล้วกัน


ตอนเด็กๆ พอคุณครูถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร คุณหญิงตอบว่าเป็นนักการเมืองเลยหรือเปล่าครับ ตอนเด็กอยากเป็นเจ้าของร้านขายดอกไม้เพราะมองแล้วรู้สึกมันสวย แต่พอโตขึ้นมา คุณพ่อพี่เป็นนักการเมืองก็พาไปโน่นนี่ด้วยบ่อยๆ ก็อยากเป็นเหมือนพ่อ คือเป็นนักการเมือง แต่ช่วงเรียน ม.ศ. 3 [สามปีก่อนเข้ามหาวิทยาลัย] ก็ยังอยู่ในโหมดอยากเปิดร้านอะไรสวยๆ นะ แล้วพอดีลูกพี่ลูกน้องของพี่เขาจบ [โรงเรียนสอนตัดเสื้อ] ระพี ส่วนพี่ก็ชอบดูแม็กกาซีนสวยๆ สมัยนั้นแม็กกาซีนญี่ปุ่นฮิต ก็เลยชวนกันทำเสื้อผ้าขาย ยุคนั้นมีห้างขื่อไดมารูอยู่ตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์ตอนนี้ เขาก็รับไปขายแบบไม่คิดค่าเช่าร้านแต่หักเปอร์เซ็นต์ พอวันหยุดก็เอาแบบในแม็กกาซีนญี่ปุ่นไปสำเพ็งกับพี่เพื่อซื้อผ้ามาตัด ไม่ได้ออกแบเองเพราะไม่มีความรู้ พี่จะทำหน้าที่ดูแบบ ขับรถรับส่งรับส่งเสื้อผ้าไปขาย ทำบัญชี ส่วนพี่สาวเขาจะทำหน้าที่ตัดเย็บ


ขายดีไหมครับ ก็เริ่มที่ประมาณสองสามราวตอนปิดเทอม แต่พอไปถึงปลายปีก็ขยายเป็นสิบราวเพราะขายดีมาก ยังจำได้เลยเพราะว่าไปได้แบบเสื้อชุดหนึ่งมา เป็นชุดแขนกุดผ้ากำมะหยี่เย็บย่นตรงกลาง ปรากฏว่าขายดีม้ากกก ฮิตมาก ทำกี่สีก็ขายหมด ล็อตนั้นได้หลายแสนเลยนะ

ก็ทำอยู่สองปีกว่าจนเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย แล้วเซ็นทรัลลาดพร้าวเปิดพี่ก็ไปจอง ได้ร้านใหญ่ที่สุด ทำเลดีที่สุดของชั้นสอง ตั้งชื่อร้านว่า BIGI (บีจิ) แต่คราวนี้ไม่ได้ขายเสื้อผ้าอย่างเดียวแล้ว มีทั้งกระเป๋า ร้องเท้าและกิฟต์ช็อปจากเมืองนอกบ้างเมืองไทยบ้าง แต่เสื้อยังเป็นของเราทำเองแต่ก็ไม่ได้เป็นแบรนด์ สมัยก่อนมันยังไม่มีร้าน select shop แบบนี้ไง ตอนเรียนมันก็สนุก ไปเข้าร้านเหมือนได้ไปช็อปปิ้งทุกวัน แล้วก็มีข้ออ้างไปเมืองนอกเพื่อไปซื้อของเข้าร้าน


ทำอยู่กี่ปีครับ ประมาณสี่ปีกว่า ระหว่างนั้นเรียนบัญชีจุฬาฯ ไปด้วย พี่จบสามปีครึ่งเพราะตอนนั้นมันยังจบสามปีครึ่งได้ ก็คิดว่าจะมาช่วยทำกิจการที่บ้านเพราะพ่อแม่เพิ่งเปิดโปรเจ็คต์ใหม่ [อสังหาริมทรัพย์] ต้องให้พี่รับผิดชอบ แล้วพี่ก็กำลังจะเรียนปริญาโทที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาฯ ด้วย ก็พอดีกับที่มีคนเขามาขอเซ้งพื้นที่ และร้านมันก็ได้กำไรเยอะพอสมควรแล้ว ก็เลยเซ้งร้านตอนเรียนจบแล้วแบ่งกำไรกัน ได้เยอะเหมือนกัน เท่าไหร่พี่ก็จำไม่ได้ พี่ก็เลยเอาไปซื้อรถบีเอ็มคันแรกยังจอดอยู่ตรงเนี้ย (ชี้ไปนอกบ้าน) เหลือเล็กน้อยก็เก็บเอาไว้

ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณหญิงเคยทำธุรกิจแฟชั่นด้วย แบบนี้ตอนสาวๆ แต่งตัวยังไง ไปเที่ยวที่ไหน ได้ดูคอนเสิร์ตอะไรบ้างครับ ก็แต่งตามแฟชันนั่นแหละ มีอะไรมาเราก็ใส่ พวกคอนเสิร์ตนี่ไม่ค่อยได้ดูนะ แต่สมัยวัยรุ่นพี่จะไป The Palace (คลับในตำนานแห่งยุค 80s อยู่ต้นถนนวิภาวดีรังสิต)


โอ้ว...ไปเที่ยวเดอะพาเลซด้วยเหรอครับ? แหม ไปดิ่! ก็เข้าไปมืดๆ ป๊อปแป๊ปๆ สนุกสนานไปตามนั้น ตอนเด็กๆ พี่จะชอบพวกเพลงดิสโก้

ได้ตามดีไซน์เนอร์ไทยบ้างไหมครับ ดีไซน์เนอร์ไทยเก่งนะ พี่ว่าแบรนด์ไทยสี่ห้าแบรนด์อย่าง Disaya หรือ Victeerut พวกนี้เขาเก่งหมดเลยนะ  แล้วก็มีไปดูงาน Young Designer ที่เป็นลูกหลานเพื่อนบ้าง ไปเป็นกำลังใจให้เค้า เมื่อปีที่แล้วไปปารีสก็มีปารีสแฟชั่นวีค เราก็ไม่รู้หรอก บังเอิญไปชนพอดี ก็เลยได้ไปปารีสแฟชั่นวีคกับเขาครั้งแรก ไปดูงานลูกเพื่อน เขาเป็นเด็กไทยที่ไปทำแฟชั่นอยู่ที่นั่น โอ้โห ละลานตามาก

ข้อนี้ล่ะครับ ทักษะทางคอมพิวเตอร์ ว๊าย ตายแล้ว บ่มี กดอย่างเดียวค่ะ

เล่นเฟซบุ๊กไหมครับ เล่น แต่เฟซบุ๊กมันก็แค่พิมพ์แล้วกดส่งนี่ พี่มีแฟนเพจด้วยนะ พี่เขียนเอง แต่ถ้าอันไหนทีมงานเขียนเขาก็จะวงเล็บว่าทีมงาน พี่ก็เล่นทั้งไลน์ ทั้งเฟซบุ๊กนั่นล่ะ


อินสตาแกรมล่ะครับ มีฟอลโล่ดาราไหมครับ แหม มีสิ ก็มีแอ๊บ (ทักษอร) มีแพนเค้ก ก็ชอบฟอลโล่คนสวยๆ

เคยกูเกิ้ลชื่อตัวเองไหมครับ ไม่เคย


ที่ถามเพราะเป็นนักการเมืองย่อมมีคนรักก็มาก เกลียดก็มาก ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีวิธีทำใจยังไงครับ แต่ก่อนพี่เป็นคนแรงนะ พี่จะได้ฉายาว่า “สวยแต่เจ็บ” เพราะพี่เป็นคนที่ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด แล้วด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวพี่จึงเป็น perfectionist ทุกอย่างต้องเป๊ะ ต้องเนี้ยบ พี่มีแค่ขาวกับดำไม่มีตรงกลาง ถ้าคนนี้ไม่ดีพี่ก็เห็นเขาไม่ดีไปหมด ถ้าคนนี้เขาดีพี่ก็เห็นแต่ดีไปหมด แล้วถ้าโดนวิจารณ์พี่ก็จะตอกกลับแรงๆ ยิ่งถ้าพี่ไม่ผิดนี่นะ พี่จะเอาคืนแบบบี้ละเอียด เก็บทุกเม็ด ว่ามาสิบฉันจัดให้ร้อยเลย แล้วมันก็ไปสร้างความเจ็บใจให้กับเขา ซึ่งที่จริงมันไม่ถูกหลัก


แต่พอมาเข้าถึงศาสนา เดี๋ยวนี้พี่จะมองว่าไม่มีใครดีทั้งหมดหรือชั่วทั้งหมด เราต้องเลือกมองในสิ่งที่ดีมาใช้ แล้วทุกข์สุขมันอยู่ที่ใจ ถ้าตัวเรารู้เองว่าสิ่งที่เขาเกลียดเรานั่นมันใช่หรือเปล่า เช่นเขาบอกว่าพี่ไปสร้างความรุนแรงให้บ้านเมือง ซึ่งพี่ไม่เคย พี่ก็อยู่ในกรอบของพี่ แต่มันอาจมีคนที่เขามองว่าเป็นพวกเดียวกัน ไปทำอะไรเราก็โดนเหมารวมไปด้วย ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองของเขา เพราะคนไม่ชอบเราเขาก็เหมาอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า เราก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลย แล้วพอเขาเห็นเราไม่เดือดร้อนนี่ล่ะ คนที่เขาว่าเราเขาก็จะเดือดร้อนเอง เขาก็จะทุกข์มากกว่าเรา ฉะนั้น เราก็ไม่ต้องต้องคอยคิดว่าเขาจะหาเรื่องอะไรมาด่าเรา อะไรที่ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ร้องไห้ได้บ้างครับ พี่จะเซนสิทีฟกับเรื่องอะไรที่มัน touch (กินใจ) เช่นพี่จะชอบถูกเชิญไปเป็นประธานพิธีหมั้น ซึ่งการหมั้นมันก็จะเป็นงานเล็กๆ ใช่ไหม แล้วมันจะสื่อสารกันวงเล็กเฉพาะครอบครัว แล้วบางทีพอเห็นลูกเข้าไปกราบเท้าแม่ พี่จะร้องไห้กับเขาเรื่อยเลยนะ แม่ลูกเขากอดกันข้างๆ ญาติก็ไม่ใช่แต่ฉันก็ร้องตามเขาไปด้วย คนเขาจะยังงงๆ กับพี่เลย หรือตอนเด็กๆ ลูกมากราบเท้าพี่ก็น้ำตาไหลทุกที คือพี่จะ touched กับเรื่องคน เรื่องความสงสารหรือความปิติ

แล้วตอนเป็นนักการเมืองไม่มีเครียดไม่มีร้องไห้เลยเหรอครับ พี่ดีตรงที่ว่า ถ้าทำงานอะไรหนักๆ อย่างทำงานกระทรวงที่จะมีแต่เรื่องเครียด พี่จะปิดสวิตช์เป็น คือถ้าคิดอะไรไม่ออกไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง พี่ก็จะบอกตัวเองว่าเดี๋ยวนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำใหม่ แล้วพี่ก็จะปิดสวิตช์ตัวเองให้นอนได้ แต่พี่เคยเครียดหนักๆ จนต้องใช้ยานอนหลับช่วงหนึ่งคือตอนแม่ป่วยหนักๆ ก่อนแม่จะเสีย เพราะตอนนั้นรู้สึกไม่ดีว่านี่เราไปบ้าทำงานการเมืองทำไมวะ เพราะมันไม่มีเวลาเลย ตอนนั้นก็คิดว่านี่ถ้าเราทำธุรกิจที่บ้านแต่แรก เราก็คงได้พาเขาไปเที่ยว ได้มีเวลาอยู่กับเขา ที่จริงก็เจอหน้ากันทุกวันนะ แต่ก็เป็นแบบแว้บๆ เพราะเช้าเราก็รีบๆ ล่กๆ แล้วกว่าจะเลิกงานออกจากกระทรวงก็สามสี่ทุ่ม ก็เจอเขาก่อนนอนแป๊บเดียว แล้วด้วยความเป็นการเมืองบางทีเสาร์อาทิตย์เราก็ยังต้องไปเปิดงาน 


ช่วงนั้น [ที่คุณแม่เสีย] พี่ดาวน์มาก นี่เป็นเรื่องให้พี่ต้องไปพัฒนาจิต ไปทำบุญพัฒนาที่ประสูติของพระพุทธเจ้า (โครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล) พี่เครียดจนกินยานอนหลับ หมอเขาให้มาบอกให้กินทีละเม็ด แต่ตอนนั้นพี่นอนไม่หลับมานาน ก็กลัวเม็ดเดียวไม่หลับเลยกินไปเม็ดครึ่ง เป็นการทานยานอนหลับครั้งแรก คืนนั้นจำได้ว่าจะเดินไปที่เตียงแล้วนึกขึ้นได้ว่าต้องไปเตรียมอะไรสักอย่างที่ตู้เสื้อผ้า พอตอนเช้าลูกจะมาเข้าห้องน้ำก็มาเจอเราหลับกองอยู่ในตู้เสื้อผ้า เขาก็ตกใจกันทั้งบ้าน เพราะพี่ไม่กล้าบอกใครว่าพี่กินยานอนหลับ พอฟื้นขึ้นมาสามีกับลูกๆ เขาก็มาล้อมวงสัมนาเทศนาพี่อยู่ตั้งนานว่าอย่ากินยานอนหลับอีก


ขออนุญาตถามว่าคุณแม่โคม่าอยู่นานไหมครับ ปีนึงเลยล่ะ แล้วคนที่เคยเฝ้าไข้จะรู้ว่าตาเราจะจ่ออยู่แต่ตรงมอนิเตอร์ชีพจร ตลอด 24 ชั่วโมงก็จ่ออยู่แต่ตรงนั้นล่ะ แล้วก่อนหน้านี้พี่ไม่เคยเครียด ทำงานที่ว่าหนักๆ พี่ก็ปิดสวิตช์พี่ได้ แต่มาเครียดมาทุกข์ครั้งแรกในชีวิตคือตอนแม่เสีย คือมันโทษตัวเองไง ว่าทำไมเราไม่ให้เวลากับเขา เราไปทำเรื่องการเมืองบ้าบออะไร คิดเสียใจว่าทำไมเราไม่อยู่กับแม่

แล้วพอคุณแม่เสียไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว คุณหญิงทำยังไงต่อไปครับ ก็ดูแลพ่อให้ดี พอดีตอนนั้นก็ช่วงปฏิวัติตกงานอยู่ด้วย ก็ทุ่มเทเวลากับพ่ออย่างเต็มที่เลย แล้วพ่อพี่ก็เสียถัดมา แต่ก่อนเสียพ่อพี่เสียเขาป่วยก่อน ไม่เหมือนตอนก่อนแม่เสีย เพราะแม่ไม่ป่วยเลยนะ แต่พอป่วยทีนี่มาเป็นชุดเลย ผ่ามาเจอโรคนี้เสร็จ รักษาหายก็เจอโรคนี้อีก ต่อๆ กันมาเป็นชุดเลย พอหายหมดคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว ก็ติดเชื้อแล้วก็เสีย


ตอนนั้นคุณแม่อายุเท่าไหร่ครับ 80 ส่วนคุณพ่อท่านเสียตอนพาเที่ยวญี่ปุ่น (เป็นเส้นเลือดในสมองแตก) วันนั้นเขาเที่ยวสนุก ทานข้าวอิ่ม ได้ทานทุกอย่างที่อยากทาน ขึ้นรถขับเข้าโตเกียวพ่อก็นั่งหลับในรถแล้วก็เสียในรถ มารู้ตอนเราถึงโรงแรม พอขนของเข้าโรงแรมกันเสร็จก็มาปลุกพ่อในรถ อ้าวทำไมปลุกไม่ตื่น ทั้งที่ตอนหลับในรถเป็นชั่วโมงๆ เขาก็ยังกรนอยู่เลย ชีพจรก็ยังขึ้นอยู่ แต่หมอมาอธิบายตอนหลังว่าพอถึงจุดที่ร่วงแล้วเขาร่วงพั่บเลย พอไปถึงโรงพยาบาลหมอบอกว่าพอไม่รอดแล้ว เราก็งงว่าเป็นไปได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น


แต่ก็เรียกว่าท่านไปอย่างมีความสุขนะครับ แต่ก็ยังแอบโทษตัวเองนะ ว่าเอ๊ะ สงสัยนี่ฉันพาพ่อเที่ยวหนักไปแล้วพ่อเหนื่อยจนเสียหรือเปล่า คือเราก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ แต่พวกผู้ใหญ่เขาก็บอกว่า โอ๊ย ถ้าเลือกได้ก็อยากจะไปแบบพ่อ ไม่อยากมาต่อท่อต่ออะไรเหมือนแม่

ข้อต่อมานะครับ "ทักษะทางภาษา ฟัง พูด อ่าน เขียน" ไหนมีภาษาบาลีป่าว เผื่อจะได้งานก็ตรงที่พูดภาษาบาลีได้ (ตอนนี้คุณหญิงกำลังเรียนปริญญาเอก สาขาพุทธศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย - มจร.) 


ภาษาบาลีอยู่ระดับไหนครับ ตอบว่าเล็กน้อยทุกข้อเลยแล้วกัน


ทำวิทยานิพนธ์หัวข้ออะไรครับ หัวข้อ "พุทธวิธีในการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทย" คือนำหลักคำสอนมาใช้


ทำเสร็จแล้วเราจะได้อ่านกันไหม ได้อ่านค่ะ จะมีฉบับย่อให้ด้วย แต่ไม่รู้ต้องส่ง คสช. ก่อนป่าวนะ

เมื่อกี้ตอนคุณหญิงเล่าเรื่องเปิดร้าน ผมลืมถามว่าตอนนี้คุณหญิงชอบช็อปออนไลน์บ่อยไหมครับ ตอนเป็นวัยรุ่นพี่อยากเป็น architech (สถาปนิก) แต่ตอนนั้นต้องไปช่วยงานที่บ้านพี่ก็เลยไปเรียนบัญชี แต่ถึงตอนนี้พี่ก็ยังชอบดูพวกแบบบ้าน พวกสถาปัตยกรรมอยู่นะ ก็ดูในพวก Pinterest นี่ล่ะ แล้ววันนึงดูๆ อยู่โฆษณาแก้วกาแฟมันเด้งขึ้นมา พี่ก็อุ๊ย แก้วสวยอ่ะ คือพี่จะสะสมพวกแก้วกาแฟเก่าอยู่แล้ว พอเจออันนี้ก็ไหนกดดูซิ กดไปเจออีเบย์ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยซื้อของอีเบย์มาก่อนก็ลองกด โห จากนั้นมีช่วงนึงสั่งมันทุกอาทิตย์เลย ในเครื่องนี่มีแค็ปหน้าจอไว้เทียบราคาเต็มไปหมด ทุกคืนก่อนนอนนี่กดทีละใบสองใบ งมงายเรื่องนี้อยู่สองเดือนเลย มาหยุดได้เพราะเปลี่ยนเครื่อง เครื่องมันหาย ได้เครื่องใหม่มาแล้วระบบมันคงไม่จำพวกที่เราเคยเข้าไป


เป็นคุณหญิงสุดารัตน์นี่เครื่องหายนี่ไม่กลัวเหรอครับ ว่าใครเก็บเจอแล้วเขาจะไปแฮคข้อมูล เครื่องมันก็ไม่ค่อยมีอะไร มีแต่เกมเพชรระเบิดกับรูปแก้วกาแฟ

ข้อต่อมาเป็นช่องความคิดเห็นเพิ่มเติม การเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจแบบคุณหญิง คุณหญิงเห็นว่าที่ผู้หญิงไทยเรายังต้องไฟท์อีกเยอะไหมครับ โอ้ เยอะ เราต้องยอมรับว่าเราสังคมไทยเรายังมีค่านิยมที่ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลังอยู่ ฉะนั้นการทำงานในโลกยุคปัจจุบันที่การแข่งขันมันสูง ผู้หญิงก็จะต้องมีความพยายามในการที่จะแสดงความสามารถที่มากกว่าผู้ชาย สมมุติว่าผู้ชายต้องศึกษาเรียนรู้เท่านี้ ผู้หญิงอาจจะต้องศึกษาเรียนรู้มากกว่า ผู้หญิงยังต้องใช้ความพยายามมากกว่าในการที่จะเข้าไปอยู่ใน position เดียวกัน [กับผู้ชาย] อันนี้คือสิ่งที่ผู้หญิงต้องทุ่มเท สมัยนี้ถึงแม้ว่าจะดีขึ้นมาก แต่ก็ยังถือว่ามี gap ตรงนี้อยู่ในส่วนลึกของหัวใจขององค์ประกอบของสังคม


ดังนั้นผู้หญิงก็ต้องแสดงความสามารถมากว่าเพื่อให้กับองค์กรหรือเพื่อนร่วมงานยอมรับว่าสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำในองค์กรนั้นได้ ผู้หญิงต้องทำงานหนักมากกว่า พยายามมากกว่า และข้อดีของผู้หญิงคือด้วยความที่มีจิตวิญญาณของความเป็นแม่ ผู้หญิงก็มักจะมีความรับผิดชอบมากกว่า สามารถผลักดันงานให้สำเร็จเมื่อขึ้นสู่ position ต่างๆ แล้วก็อาจจะซื่อสัตย์มากกว่าด้วย เพราะไม่ค่อยกล้าที่จะทำอะไรผิด เพราะละอายเกรงกลัวต่อบาป อีกข้อที่ดีคือผู้หญิงคือจะไม่ชอบความรุนแรง เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาของผู้หญิงจะไม่ออกไปในเชิงของการเผชิญหน้า ก็จะทำอะไรแบบที่มีเหตุผลกับและมีความประณีประนอม

คุณหญิงมีวิธีเลือกคนมาทำงานด้วยยังไงครับ อย่างเมื่อกี้ที่พี่บอกว่าเมื่อก่อนพี่เป็น perfectoionist พี่มองแต่ขาวกับดำเลย ฉะนั้นพี่จะเลือกคนเก่ง พี่จะเลือกคนที่สมอง แต่ตอนนี้เราไม่ได้มองที่สมองอย่างเดียว เรามองที่หัวใจด้วย เรามองความเป็น human ของเขาด้วย เขาอาจจะไม่ได้เก่งที่สุด แต่เมื่อเขามีจิตใจที่ดี มนุษยสัมพันธ์ดี มันจะทำให้ทีมดี แต่ก่อนเรามองแค่คนเก่งๆ พอเก่งเสร็จก็มีขัดแย้งในทีม พอคนนี้เก่งมาก คนอื่นไม่กล้าแสดง แต่พอเราเอาเลือกคนที่จิตใจด้วย ก็เห็นว่าคนนี้ก็เก่งแบบนึง คนนี้ก็มีเก่งอีกแบบนึง แล้วพอร่วมกัน มันเก่งกว่า ผลลัพธ์มันดีกว่า มันก็กลายเป็นว่าสิ่งที่พี่ได้เรียนรู้คือทีมมันดีกว่า


พูดถึงเรื่องอำนาจ ข้อดีและขอเสียของอำนาจในความคิดของคุณหญิงครับ อำนาจมีทั้งข้อดีและขอเสีย แต่อำนาจต้องประกอบด้วยธรรม เพราะอำนาจที่บวกด้วยธรรมจึงจะเป็นอำนาจที่เกิดผลพลังบวกให้กับตัวเองและองคร์กรที่เราทำค่ะ

ขอโทษนะครับ ผมอ่านข้ามไปท่อนนึง อันนี้เขาถามเรื่องงานอดิเรก คุณหญิงมีงานอดิเรกไหมครับ พี่วาดรูป ขี่จักรยาน เดินป่า ดูหนัง


เดินป่าต้องมีบอดี้การ์ดไปด้วยไหมครับ ไม่ต้อง ก็เดินกับเพื่อนๆ แต่ไม่ได้ไปแบบตั้งแคมป์นอนป่านานแล้ว เพราะแก่แล้วไม่มีเพื่อนไป ส่วนหนังนี่ชอบดูการ์ตูน อย่างขึ้นเครื่องบินก็จะเลือกดูการ์ตูน กังฟูแพนด้าอะไรแบบนี้ หรือไม่ก็หนังตลก หนังอะไรที่มันไม่เครียด


เล่นเกมส์มือถือไหมครับ เล่นสิ บางทีประชุมเครียดๆ นี่มันมือมากเลย อยากหยิบเกมส์ขึ้นมากดทำไงดีว้า แต่เวลาเล่นต้องถอดแว่นนะ เดี๋ยวมันสะท้อนแล้วคนรู้ Angry Birds พี่ก็เล่น มีไม่กี่เกมส์หรอก พี่จะชอบพวกเกมส์ที่ฝึกความเร็วของสมอง อย่างไอ้เกมส์อะไรนะที่มันเรียงเพชร


Bejeweled? เออ อันนั้นล่ะ พี่เล่นออนไลน์ เล่นเก่งด้วยนะ พี่เร็วมาก แข่งกับคนในออนไลน์ตอนนี้พี่ได้ที่หนึ่ง ได้คะแนนเป็นล้านเลย นี่ๆ เดี๋ยวเปิดโชว์คะแนนให้ดู

คือบางทีเกมส์พวกนี้มันมีอันดับ แต่มันไม่ได้แข่งกับคนในออนไลน์ครับ มันโหลดลงเครื่องแล้วเราเล่นแข่งกับคะแนนเก่าของเราอยู่คนเดียว อ้าวเหรอ แล้วทำไมมันบอกว่าพี่ได้ที่หนึ่งอ่ะ นี่ไง ดูสิ

วันนี้ต้องขอขอบคุณคุณหญิงมากๆ เลยครับ ที่สละเวลาให้เราสัมภาษณ์ครับ

 
bottom of page