top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

เราเห็นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะตกงาน เลยเอาใบสมัคร KFC ไปให้กรอก

จำ iPod รุ่นปี 2002 ที่จอขาวดำ มีแป้นกลมและปุ่มกดเลือกเพลงอยู่กลางเครื่องได้ใช่ไหม? นั่นคือรุ่นที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะยังใช้อยู่ทุกวัน เพลย์ลิสต์ยาวเหยียดในเครื่องของเขามีเพลงตั้งแต่ริฮานน่า Bon Iver ไปจน Metallica

เด็กอินดี้ต่างรู้กันดีมานานแล้ว ว่าอดีตนายกไทยคนนี้เขาเป็นชาวร็อคคนหนึ่ง เจอเขาได้ตามคอนเสิร์ตวงร็อคใหญ่ๆ ล่าสุดก็ The Killers หรือเมื่อปี 2013 ตอนที่ Dudesweet จัดคอนเสิร์ต The Vaccines รอบแรกกับป๋าเต็ด โดยไม่มีใครบอกกล่าว จู่ๆ พี่แกก็โผล่มา ไม่ขอบัตรฟรี ไม่มีขบวน เข้าเน็ตกดบัตรเองแบบเราๆ ท่านๆ โดนคนต่อคิวขอถ่ายรูปคู่กันยาวเป็นที่ฮือฮา

with The Vaccines in Bangkok (2013)

แต่ก็อย่างที่เขาพูดกัน ว่าอย่าไว้ใจนักการเมือง เห็นเขาเคยพูดว่าชอบ R.E.M. ทางเราก็ต้องขอวัดกันหน่อยว่าความติ่งใครเหนือกว่าใคร เพราะผมคิดเองเออเองมาตลอดว่าผมเป็นแฟนหมายเลขหนึ่งของ R.E.M. ประเทศนี้ เคยจ่ายตังค์สมัครแฟนคลับด้วย (พอปีใหม่ได้ปฏิทินรูปวง) แต่พอเขาพูดขึ้นมาว่า "ผมว่า New Adventures in Hi-Fi มันสนุกกว่า Up อัลบั้ม Up มันเริ่มต้นด้วยเพลงนี้ใช่ไหม Airportman ซึ่งแบบมันไม่ควรจะเป็นเพลงแรกของอัลบั้มอะไรทั้งสิ้น ส่วน Adventures in Hi-Fi เพลงที่ผมชอบมากที่สุดคือเพลง Leave ที่เป็นเสียงไซเรนไปตลอดเพลง"


สาวก R.E.M. ที่จงรักภักดีจะรู้ว่า Up เป็นอัลบั้มที่ underrated ที่สุดของวง และเพลง Airportman ก็เป็นเพลงถูกลืมที่สุดของวงนี้ ดังนั้น ถ้าถึงขนาดจำเพลงเปิดอัลบั้มและแทร็คต่อมาของอัลบั้มที่ถูกลืมของ R.E.M. ได้ขนาดนี้ ก็เอาไปเลยครับ นี่--มงกุฏและสายสะพายติ่ง R.E.M. แห่งประเทศไทย

 

สัมภาษณ์ โดย โน้ต พงษ์สรวง

ภาพถ่ายปัจจุบัน โดย Tom Hoops @TomHoops

 

เห็นวันก่อนคุณอภิสิทธิ์บอกชอบ Ed Sheeran นี่ขัดใจผมมากเลย

คุณจะไปขัดใจทำไม ผมนี่เป็นคนที่ชอบใครก็ตามที่เขียนทำนองเขียนเพลงได้ สมัยเด็กๆ อยู่โรงเรียนนี่ผมก็ชอบ Abba


Abba ก็โอเคออก

คุณโอเคน่ะ แต่สมัยผมเป็นเด็กๆ ผมบอกชอบ Abba ผมก็จะถูกทุกคนด่า ถูกคนล้อ แล้วตอนหลังทุกคนก็ยกย่อง Abba คือผมว่าเอ็ด ชีแรนหรือเทเลอร์ สวิฟต์ก็แบบเดียวกัน แต่คุณมีอคติไง อ่ะ คุณคิดว่าเอ็ด ชีแรนมีปัญหาอะไร อัลบั้มใหม่เขาแนวก็หลากหลาย


เรื่องความสามารถของเขานี่ผมไม่สงสัยเลยนะ แต่ที่ผมไม่ชอบเพราะรู้สึกว่าเพลง Shape of You มันมีทุกที่เลยจนมันหลอน

Shape of You ผมว่าไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้เพลงที่ผมไปงานแต่งงาน ทุกงานที่ผมเป็นประธานนี่ เปิดเอ็ด ชีแรน เพลง Perfect ก่อนนั้นก็เป็นอะไรนะ Thinking Out Loud ป่าว ฟังจนแบบไม่รู้จักก็ต้องรู้จักอะ


มีแมวกี่ตัวครับ

26 ตัวครับ

มันฉี่เป็นระเบียบไหมครับ

ก็โอเคนะครับ แมวที่ถ่ายค่อนข้างเป็นระเบียบจะเป็นสก็อตติชโฟลด์

ข้อแรกนะครับ เรื่องชื่อ ใครเป็นคนตั้งชื่ออภิสิทธิ์ให้ครับ พระหรือคุณพ่อคุณแม่

เท่าที่ทราบน่าจะเป็นคุณอา แต่ว่าตอนเกิดต่างประเทศ (อังกฤษ) ก็เลยมีชื่อมาร์คด้วย มาร์คนี่น่าจะที่นู่นตั้ง ผมไม่ทราบเพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบอกชัดว่าใครเป็นคนตั้ง แต่ก็ตั้งชื่อฝรั่งไว้ ตอนพี่สาวซึ่งก็เกิดที่นู่นก็ชื่อเจน เพื่อนฝรั่งก็เรียกมาร์คเวช (Vej)

เจนกับมาร์ค

ครับ ส่วนอภิสิทธิ์นี่น่าจะเป็นสันนิษฐานเอาเองนะ ว่าเป็นเพราะเกิดวันจันทร์ แล้วเขาก็ว่าถ้าเกิดวันจันทร์ไม่ควรจะมีสระอยู่ตรงแนวเดียวกับพยัญชนะ นี่ก็เป็น ที่จะไม่มีสระ สระอิจะอยู่ข้างบน แล้วคำว่าอภิสิทธิ์ยุคนั้นนะ ถ้าเปิดพจนานุกรมก็จะแปลว่าความสำเร็จ ไม่ได้เป็นคำที่ใช้ในลักษณะที่ใช้กันอยู่ในลักษณะนี้


เข้า KFC ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ

เมื่อวานเพิ่งสั่งมาที่บ้าน เห็นมีหม่าล่าอยู่ก็เลยลองดู เผ็ดมาก

ทานฟาสต์ฟู้ดบ่อยไหมครับ

ก็บ่อยเหมือนกัน เพราะว่าเวลาเดินทางมันสะดวก นี่คือปัญหาอย่างหนึ่งของอาหารไทยซึ่งยังอยู่ในรูปแบบที่บริโภคจะหว่างเดินทางไม่ได้เพราะมันเยอะ อย่างแกะถุงน้ำปลาพลาดก็เรียบร้อยเลย ไม่ต้องไปงานต่อ

คุณอภิสิทธิ์เคยกรอกใบสมัครงานไหมครับ เพราะเห็นทั้งชีวิตมีงานนักการเมืองอย่างเดียว

กรอกสิครับ แหม...ผมก็เคยสมัครงาน เข้า จปร. ไปธรรมศาสตร์ มาสมัครนี่ที่ก็สมัครสมาชิก ไปสมัคร ส.ส. ทุกครั้งก็ต้องกรอกใบสมัคร เวลาจะเป็นตำแหน่งก็อะไรก็ต้องกรอกใบสมัครด้วย

เคยโดนทาบทามไปพรรคอื่นบ้างไหมครับ

เคยครั้งเดียวตอนปี 38

ตอนนั้นทำงานได้กี่ปีแล้ว

3 ปี เหตุผลก็เพราะว่าตอนนั้นผมเป็นโฆษกรัฐบาลแล้วก็ให้สัมภาษณ์วิจารณ์นายกก็เป็นคุณชวน แล้วก็โดนคนในพรรคเล่นงานเยอะ คุณบรรหารก็เร็วมาก พอทันทีที่มีข่าวว่ามีคนเล่นงานผมก็โทรมาเลย ไปอยู่พรรคชาติไทยไหม

แล้วก็ตอบว่า?

ไม่


ตอนนี้ยังเป็นนักการเมืองอยู่ไหมครับ ผมกลายเป็นบุคคลสาธารณะแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วก็คนก็ยังมองผมเป็นนักการเมืองอยู่ แต่ผมไม่ได้ทำกิจกรรมการเมืองอะไร


ตอนที่ลาออกจากงานวันแรกกลับบ้านไปทำอะไรครับ

วันนั้นมันเป็นวันแถลงนโยบาย มันเป็นวันเลือกนายก กลับไปก็ไปดูประชุมสภา

ความรู้สึกวันนั้นมันเป็นอย่างไรบ้างครับ มันแตกร้าวหรือเปล่า

ไม่ ผมตัดสินใจง่าย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เราพูดไว้ มันไม่ใช่เรื่องการตัดสินใจยากอะไร แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมากนะครับ ก็เพียงแต่ว่าวันนั้นมันมีประชุมสภาผู้แทนก่อนที่จะเลือก ก่อนที่จะประชุมร่วมเพื่อเลือกนายกก็ไปประชุมสภาผู้แทนให้เสร็จ แล้วก็ลงมาแถลงข่าว แถลงข่าวเสร็จก็กลับบ้านแล้วก็เปิดทีวีดูว่ามันเป็นยังไงบ้างที่เขาจะเลือกนายกกัน

ตอนที่คุณอภิสิทธิ์เริ่มเป็นนักการเมือง ตอนนั้นเพิ่งอายุ 27 ทำไมถึงอยากเป็นนักการเมืองครับ ไม่ได้อยากไปเที่ยวเล่นแบบคนหนุ่มสาว

ผมอยากเป็นนักการเมืองตั้งแต่ก่อนอายุ 27 นานมาก ผมสนใจ [การเมือง] ตั้งแต่เด็กนะครับ เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้คิดอยากทำอย่างอื่น แต่ช่วงที่เรียนจบไปเป็นอาจารย์เพราะอายุยังไม่ถึงที่จะสมัครผู้แทน แต่ก็ตั้งใจตั้งแต่นานแล้ว ว่าพออายุถึงจะสมัครเป็น ส.ส. ได้ก็จะสมัคร


ตอนเด็กคุณครูถามว่าอยากเป็นอะไร

ก็ตอบว่าเป็นนักการเมืองเป็นนักการเมือง

แล้วคุณครูแปลกใจไหมครับว่าทำไมอยากเป็นนักการเมือง

ตอนอยู่ต่างประเทศแล้วก็ไม่แปลกหรอก เพราะว่าก็มีหลายคนที่อยากเป็นนักการเมือง เพื่อนผมก็เป็นนายกอังกฤษ (บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนปัจจุบัน)

ใช่ครับ ก็เลยจะถามว่าสนิทกันแค่ไหนครับ

ก็ระดับหนึ่งนะครับเพราะเรียนด้วยกันตั้งแต่มัธยม แล้วก็ช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัยเขาก็เคยมาเมืองไทยแล้วก็มาอยู่ที่บ้านผม แล้ว [หลังจากจบมัธยม] ก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันมากเพราะว่าคนละแนวคนละกลุ่มกันตอนอยู่มหาลัย ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันมากมาย แต่ว่าความที่เขาเคยมาอยู่บ้านผมแล้วก็เขาคงอาจจะรู้จักคนไทยคนเดียวก็ได้ ผมไม่ทราบนะ แล้วถ้าคุณไปเห็นเขา ใครเคยรู้จักเขาคงไม่ลืมเขาหรอก ต่อมาพอตอนผมเป็นนายก เป็นส.ส. พอไปอังกฤษก็ติดต่อเขาไป เคยไปเยี่ยมเขาตอนเขาเป็นนายกเทศมนตรี ตอนเขาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศก่อนเป็นนายก แล้วตอนที่มาเยือนประเทศไทยก็นัดผมไปคุยอะไรกัน

บอริส จอห์นสันคือคนยืนแถวหน้าตรงกลาง ระหว่างเบอร์ 15 และ 16

ผมแปลกใจว่าเขาไว้ผมทรงนี้ตั้งแต่วัยรุ่นตลอดไม่เปลี่ยนเลย

และจงใจนะครับ

เป็นการวางแผนตั้งแต่ตอนอายุ 15 อย่างนี้เลยเหรอครับ

เป็นการสร้างภาพลักษณ์ คือเขาเป็นที่รู้จักเพราะความแปลกอะไรแบบนี้ในตัวเขา เขาก็ใช้ตัวนี้เป็นประโยชน์ มันก็ตลกนะ เขาเป็นคนมีอารมณ์ขัน ฉลาด ปฏิภาณดี ความรู้ดีนะครับ แล้วก็สามารถที่จะทำอะไรให้มันแปลก มันผิด มันเพี้ยน แล้วก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์ เพราะเขาทำอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก แล้วจนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังทำแบบนี้อยู่


คิดถึงโรงเรียน Eton ไหมครับ

ไม่ ตอบได้เลย ก็ไม่คิดถึงหรอก เพราะว่ามันเป็นโรงเรียนที่กฎระเบียบเยอะ แล้วก็ไม่ค่อยมีอิสระ อีตั้นแค่เครื่องแบบก็แย่แล้ว ตื่นมาก็มานั่งใส่ไอ้เสื้อกั๊ก เสื้อเทลโค้ต (tailcoat-แจ็คเกตที่ด้านหลังยาวๆ)

ต้องใส่แบบนั้นทุกวันเลยหรือครับ ผมนึกว่าเฉพาะรับปริญญา

ทุกวันครับ เรียนอย่างนั้นทุกวันแหละ ไม่มีเน็คไทด้วย มันผูกไทเฉพาะของตัวเองเลย เป็นคอเสื้อแยกต่างหากเลย คือมีซับตรงนี้แล้วก็ม้วนเข้าไป พอโตหน่อยก็เป็นหูกระต่าย แล้วมีเสื้อกั๊ก แล้วก็มีเสื้อเทลโค้ต



อีตั้นมันเป็นโรงเรียนแบบไหนหรือครับ ทำไมหลายคนจบมาถึงได้เป็นนายกกัน ในนั้นเขาสอนอะไรกันบ้างครับ อย่างแค่ห้องคุณอภิสิทธิ์นี่ก็มีสองคนแล้ว

โห ก็คงไม่ได้สอนตรงๆ หรอก แต่ว่าการแข่งขันสูงเรื่องการเรียน บังคับเรื่องการเล่นกีฬา ทุกคนจะต้องออกกำลังสัปดาห์ละกี่ครั้งๆ เขาจะมีเป็นแต้มไว้เลยนะว่าถ้าเล่นฟุตบอลได้กี่แต้ม ไปวิ่งได้กี่แต้มอะไรต่างๆ แล้วความที่มันเป็นโรงเรียนประจำอยู่แต่ในบ้านใช่ไหมครับ รุ่นพี่ก็ต้องดูแลหรือใช้งานรุ่นน้องอะไรอย่างนี้ มันก็จะเป็นลักษณะการฝึกฝนอย่างนั้นมากกว่า

เขาบูลลี่กันมั้ยครับ

ก็เป็นปัญหานะครับ เป็นปัญหา ซึ่งก็แล้วแต่ละยุค

เป็นชายล้วนใช่ไหมครับ

ชายล้วน

กะเทยเยอะไหมครับ

เยอะ ก็ธรรมดาครับ ผมไม่แน่ใจว่ามันจะสูงกว่าโดยเฉลี่ยหรือเปล่า แต่ว่าโรงเรียนชายล้วนมันก็จะรู้กันน่ะ

ตอนเรียนมีกะเทยมาจีบไหมครับ

ไม่มีใครมาจีบผมหรอก ผมดูเป็นเด็กจริงจังไง เด็กจริงจังเด็กเรียบร้อย คนไม่ค่อยมายุ่งอะไร

แต่ตอนหนุ่มๆ ก็หล่อเหลาเอาการนะครับ พอกลับไทยมีสาวๆ จีบเยอะไหมครับ หนุ่มหล่อนักเรียนนอก กลับมาเยี่ยมเมืองไทย

ไม่ครับ อย่างที่ผมบอกเพราะบุคลิกผมเป็นแบบจริงจังแล้วก็หมกมุ่นอยู่กับเรื่องการเมืองเรื่องอะไรอย่างนี้ ผมกลับมาผมก็มาติดตามมาทำงานการเมือง มาช่วยประชาธิปัตย์ตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาลัยเลย

แล้วพออยู่อ๊อกซ์ฟอร์ดเจอธอม ยอร์คไหมครับ คนรุ่นเดียวกัน

รุ่นเดียวกันเหรอทำไมเขาดูแก่จัง


เมืองอ๊อกซ์ฟอร์ดมันเป็นยังไงครับ เมืองใหญ่ไหม อาจจะเดินเจอกันได้ เผื่อไปบาร์เดียวกัน

ไม่เจอครับ แต่ว่าเมืองก็ไม่ถึงกับใหญ่มากแต่ก็ไม่ได้เป็นเมืองเล็ก แต่ผมนึกภาพเขาไปเดินที่ไหนไม่ออกเหมือนกันนะ รู้สึกว่าฟังเพลงเขาก็ต้องอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่สดใสมากๆ ไม่น่าจะอยู่ในที่แคบๆ อย่างนี้


คุณอภิสิทธิ์อยู่อังกฤษช่วงยุคไหน

ผมไปปี 1976


ตอนอยู่โน่นเป็นพังค์ไหมครับ

ไม่เป็นครับ


เป็นแนวไหนครับ

ไม่เป็นอะไรทั้งนั้นเพราะว่าตอนนั้นก็ต้องยอมรับว่าเป็นต่างชาตินี่หลบภัยดีที่สุด

คุณอภิสิทธิ์สนใจศิลปะมากน้อยแค่ไหนครับ

ผมไม่ใช่คนที่สนใจศิลปะอะไรมากมาย แต่ผมฟังเพลงแค่นั้น ชอบเพลงมากกว่า มีแต่ว่าไม่เคยร่วมวงดนตรี เล่นดนตรีไม่เป็นเลย ไม่มีพรสวรรค์ ก็มีเพื่อนๆ ที่เป็นนักดนตรีแต่เราไม่ได้เล่นด้วย


ไม่มีเพื่อนเป็นศิลปิน ไม่มีเพื่อนเป็นร็อคสตาร์?

ไม่มี


ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่?

บุหรี่ไม่มี เหล้ามีดื่มบ้างแต่ไม่เยอะ


เคยเมาไหมครับ

คือว่าตอนผมเด็กๆ ผมจะเป็นโรคอยู่สองโรค คือไมเกรนกับโรคกระเพาะที่มาจากความเครียด แต่ว่าพอโตแล้วหายหมด


เครียดเพราะเรียนเหรอครับ

ไม่ใช่ เขาว่ามาจากความเครียด เราไม่ได้รู้สึกว่ามาจากความเครียด แต่ว่าเป็นสองโรคนี้ แต่ว่าช่วงที่เป็นโรคกระเพราะนี่จะพยายามไม่ค่อยดื่ม ถ้าเมาก็คือดื่มแล้วก็จะง่วงหลับมากกว่า


ผมว่าอังกฤษช่วงยุค 80s-90s เป็นช่วงที่น่าอยู่ที่สุดเลย จำได้ว่าตอนยุค 90s ที่นายกโทนี่ แบลร์เขามีแคมเปญจน์ Cool Britania ที่เอาดนตรีสร้างรายได้ให้ประเทศ มันก็พิสูจน์ว่าดนตรีเป็นตัวส่งออกวัฒนธรรมที่ดีที่สุด อย่างเกาหลีเขาก็ใช้ป๊อปคัลเจอร์บุก จนตอนนี้ทุกอย่างที่เป็นเกาหลีขายได้หมด คิดว่าของไทยเรา ถ้าเราจะเริ่มโมเดลนี้บ้างต้องเริ่มตรงไหนครับ

ผมว่าสิ่งแรกที่เราต้องยอมรับก่อนว่าสังคมไทยมันมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ เรื่องการยอมรับว่าวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอด พอเราพูดถึงความไทย สังคมเราจะยึดติดกันอยู่ว่าสิ่งที่เคยเป็นยังไงต้องเป็นอย่างนั้น นี่จำได้ไหมเมื่อกี่ปีมานี้ อะไรนะ โฆษณาที่เอาทศกัณฑ์ไปเล่นสกีอะไรอย่างนี้ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ใช่ไหมครับ แล้วถ้าเราดู--ผมไม่ได้บอกว่าดีไม่ดีนะ--แต่ถ้าเราดูว่าสิ่งที่เราเรียกว่า K-Pop ความเป็นดนตรีเกาหลีของเขาคือเกาหลีแบบดั้งเดิมไหม มันก็ไม่ใช่ ละครเกาหลีที่อ้างว่าอิงประวัติศาสตร์ก็เปลี่ยนประวัติศาสตร์หมด ผมมีความรู้สึกว่าถ้าคนไทยทำอะไรอย่างนั้นบ้างคงไม่ผ่าน คงถูกเล่นงานว่าเพี้ยน เนี่ยผิด ไม่ใช่อย่างนั้นอย่างนี้ มันก็เลยทำให้มันจำกัดความสร้างสรรค์ อันนี้เรื่องแรก


เรื่องที่สองก็คือการสนับสนุน ถ้าจะทำมันก็มีวัฒนธรรมที่ว่า รัฐต้องพร้อมที่จะสนับสนุนโดยไม่เข้าไปยุ่ง ซึ่งเราไม่มี พอราชการหรือรัฐเข้าไปยุ่ง เราจะต้องได้รัฐหรือราชการเข้าไปควบคุมใช่ไหมครับ แล้วก็เรื่องทางเศรษฐกิจก็เหมือนกัน ก็ต้องยอมรับว่าความสำเร็จที่มันเกิดขึ้นหนึ่งเรื่อง มันจะต้องมาจากอีกเป็นสิบเรื่องที่มันล้มเหลว ถ้าเรายังไม่ยอมรับกรอบกติกาหรือความเป็นจริงของมันแบบนี้ ผมว่ามันเป็นยังที่จะไปยาก


มีอย่างหนึ่งที่ผมชอบคุณอภิสิทธิ์ คือสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างไรเวลาให้สัมภาษณ์คำถามที่ไม่อยากจะได้ยิน ทำอย่างไรไม่ให้เกรี้ยวกราดครับ

ถ้าสอนกันได้คงไม่เป็นอย่าง[ตอน]นี้


แล้วอีกอย่างหนึ่งคือคุณเติบโตเมืองนอกแต่การใช้ภาษาไม่ค่อยมีไทยคำอังกฤษคำเลย เป็นความพยายามของตัวเองหรือเปล่าครับ

ส่วนหนึ่งก็เป็นความพยายามตั้งแต่เด็กนะ บังคับตัวเองว่าทำอย่างไรไม่ให้ลืมภาษาไทย และผมมีความรู้สึกว่าโครงสร้างของแต่ละภาษานี่มันต่างกัน มันก็จะสะท้อนระบบวิธีคิดที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นเวลาเราใช้ภาษาใดผมว่ามันก็ควรจะทำให้เป็นระบบ คิดให้เป็นระบบ เรียบเรียงให้มันเป็นระบบแบบนั้น พอเอามาปนกันนี่ ผมเห็นคนส่วนใหญ่ที่ใช้ภาษาไทยปนอังกฤษซึ่งมันผิด คำที่ออกมาก็ไม่ใช่ โครงสร้างประโยคก็ไม่ใช่ ผมว่ามันจะยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะศัพท์เทคนิคมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เทคโนโลยีของใหม่ๆ ที่มันเกิดขึ้นผมก็รู้สึกว่าเรา หนึ่ง-มันจะบัญญัติศัพท์ไม่ทัน สอง-คนบัญญัติศัพท์ก็เป็นข้าราชการเกิน บัญญัติในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ใช้ สุดท้ายก็เลยทำให้คนมีความรู้สึกว่าใช้ทับศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายกว่า ซึ่งผมก็งงนะ ผมมานั่งคิดว่าทำไมสมัยก่อนไอ้ของใหม่ๆ ที่มันเกิดขึ้น เตารีด ตู้เย็น ทำไมเขาสามารถคิดคำง่ายๆ ทำไมเดี๋ยวนี้เราไม่สามารถคิดคำว่าคอมพิวเตอร์หรือคำว่า-

ผมคิดว่าหมวดที่ภาษาวุ่นวายที่สุดก็คือหมวดการเมืองและกฎหมายนี่ล่ะครับ บัญญัติกันมาแต่ละคำนี่ ฎ.ชฎา ฏ.ปฏัก อะไรเต็มไปหมดเลย ผมเคยคิดว่าถ้าผมเป็นนายกสิ่งแรกๆ ที่ผมทำคือจะชำระภาษาไทย

คุณจะทำให้กฎหมายมันง่ายขึ้นเหรอ แล้วนักกฎหมายจะไปทำอะไร

มาเรื่องสมัครงาน KFC กันดีกว่า ข้อนี้ถามตำแหน่งที่ต้องการ อยากทำตำแหน่งไหนครับ

มีอะไรให้เลือกบ้างเอ่ย เอานี่สิ ขายของไปเลย ขายอยู่ข้างหน้านั่นแหละ

ไม่เป็นผู้จัดการเหรอครับ

ไม่เอาครับ เป็น Team Member ดีกว่า

พูดถึงการควบคุมลูกทีม การเป็นหัวหน้าทีมความยากสุดคืออะไรครับ

ยากที่สุดเหรอครับ ยากที่สุดคือการจัดการความสัมพันธ์ของคนในทีมว่าจะทำยังไงให้เขาทำงานด้วยกันได้ เพราะว่าความหลากหลายของคน พรรคประชาธิปัตย์ก็จะยากกว่าพรรคอื่นเพราะว่าคนที่มาอยู่ที่นี่มีสิทธิเท่ากันหมด

คุณอภิสิทธิ์อายุน้อยกว่าหลายๆ คนในพรรคเยอะมากเลยนะครับ มีปัญหาเรื่องการที่เด็กจะไปคุมผู้ใหญ่ให้เขานับถือเราไหมครับ

ก็เป็นโชคดีอย่างหนึ่งว่าคนที่อยู่ที่นี่มีความหลากหลายและมีความรู้สึกว่ามีสิทธิเท่ากันหมด แต่ว่าก็ยังค่อนข้างเคารพในตัวระบบในโครงสร้าง เพราะจะมาเป็นผู้บริหารที่นี่ได้ก็ต้องมาจากการเลือกตั้งนะครับ นั่นก็คือสมาชิกยอมรับแล้ว แต่ว่าในการทำงานนี่แน่นอนว่าอยู่ในสังคมไทยเราก็ต้องระมัดระวังนะครับ เราทำงานกับคนที่อายุมากกว่าเรา อาวุโสกว่าเราก็ต้องปฏิบัติกับท่านแบบหนึ่งนะครับ คนวัยเดียวกันก็อีกแบบหนึ่ง ผมว่าระบบความอาวุโสก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ว่าจะใช้ปฏิบัติกับมันอย่างไรให้อยู่บนความพอดี

เวลาผมดูข่าวการเมือง หลายๆ ครั้งมันทำให้ผมคิดอย่างหนึ่ง ก็คือว่าขอให้ไม่แก่กะโหลกกะลาแบบนี้ ขอให้มีความเข้มแข็งและเป็นคนควบคุมอารมณ์ได้

ไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกคนนะครับ ไม่ได้เหมือนกันทุกคน แต่ว่านักการเมืองก็สะท้อนสังคมเหมือนกันนะ



อัลบั้มแรกที่ซื้อด้วยเงินตัวเอง

อัลบั้มเหรอ? ยอมรับเลยว่าจำยากมาก ตอนอยู่เมืองไทยยังไม่ไปเมืองนอกก็เริ่มฟังเพลงสากล ที่ผมจำได้นะ สมัยนั้นคุณพ่อผมเล่นแผ่นเสียง มันจะมีแผ่นเล็ก (แผ่น 7 นิ้ว) แต่ไม่ใช่ซิงเกิ้ลแบบที่เรารู้จักนะ มันจะมีสักประมาณด้านละ 2 เพลง ขายอยู่จำได้ประมาณ 15 บาท 30 บาทอะไรอย่างนี้ ที่จำได้แน่ๆ คือ Bohemian Rhapsody เพราะมันเป็นเพลงที่มีเพลงเดียวในหน้าเพราะว่าเพลงมันยาว เพลงอื่นมันจะ 3 นาที มันก็จะมี 2 เพลง แต่ว่าจำได้แผ่นนี้ด้านนี้มันจะมีเพลงเดียว 10 นาที Bohemian Rhapsody

ได้ดูหนังไหมครับ เป็นยังไงบ้าง

ในเชิงภาพยนตร์ก็ถือว่าทำได้ดีนะครับ แต่ว่ามันจะหงุดหงิด 2 เรื่องสำหรับผมนะ หนึ่งก็คือเพราะเราเป็นแฟนเพลง เราจะรู้ว่ามันมีสิ่งที่ไม่จริงอยู่เยอะแยะไปหมด ตั้งแต่เริ่มต้นหนัง ดูไปสักพัก เฮ้ยอะไรวะ? เพลงนี้มันยังไม่ทันออกเลยแต่มันมาอยู่ในช่วงนี้ อันนี้มันไม่ใช่แล้วอะไรอย่างนี้ แล้วพอเรารู้นั่นปั๊ป เราก็มีความรู้สึกว่าสรุปเราจะเชื่ออะไรในหนังได้บ้างนี่ แต่หนังเขาก็ยอมรับ ก็เข้าใจว่าไม่ได้ยึดถือความเป็นจริง

แต่รู้สึกว่าวงควีนเขาก็ approve บทด้วย

ใช่ ผมก็ยังแปลกใจเพราะว่าหลายเรื่องมันชัดว่ามันไม่ใช่ไง เราเป็นแฟนเพลงเราดูแล้วเรารู้ กับเรื่องที่สอง ผมมีความรู้สึกว่าจุดหลักของเรื่องนี้ไปจบลงตรงที่เล่น Live Aid สำหรับผมมันไม่ใช่ชีวิตของคนอย่างเฟรดดี้ ความน่าสนใจมันน่าจะเป็นในช่วงปลายๆ ชีวิตเขามากกว่า ตอนเขาตาย ก่อนเขาตาย แต่มันไม่ได้ตรงนั้นเลยไง แต่มันจบลงตรงที่เล่น Live Aid แล้วที่ Live Aid คนเยอะ ในความทรงจำของผมก็ไม่ใช่เพราะว่าคนมาดูควีนนะ เพียงแต่โอเค เขาก็เล่นได้ดีเป็นที่ประทับใจ แต่มันไม่ใช่ว่าคนดูเพราะควีน


ถ้าจะหาคนมาเล่นหนังชีวิตอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนี่เอาใครเล่นดีครับ

คงไม่มีมั้ง

เอาณเดชน์เลยมั้ยครั้บ

ง่ายสุดก็เอาไอติมมาเล่น ไหนๆ ก็ว่าเหมือนกันมากแล้ว

พูดถึงไอติมขึ้นมา ผมมีคำถามนึงพอดีเลย เรื่องมีเสียงเชียร์ให้เปิดพรรคใหม่กับคนรุ่นใหม่ไปเลย

ผมไม่ได้คิดเลยครับ ไม่ได้คิดเลยเพราะว่าออกมาก็มาดูอยู่ ก็ห่วงใยบ้านเมืองแต่ก็คิดว่าคงยังไม่มีบทบาทอะไรและก็ยังเป็นสมาชิกพรรค แล้วในชีวิตการเมืองผมนี่ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะไปทำพรรคของตัวเอง เพราะผมก็มีความรู้สึกว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสมบัติที่สำคัญของระบบการเมืองไทย เพราะมันมีพรรคเดียวและยังเป็นพรรคเดียวที่มันเป็นระบบพรรคการเมืองที่ไม่ได้ผูกติดกับตัวบุคคล

เป็นนักการเมืองอย่างนี้ อยากจะถามว่าโดนด่าตลอดเวลานี่มันสนุกตรงไหน

ก็ไม่ได้ตั้งใจให้เขาด่า แล้วก็ไม่ได้สุนกกับการถูกด่า แต่ว่ามันเป็นงานต่อสู้ทางความคิด มันต้องมีคนไม่ชอบ แล้วก็มันเป็นงานที่มีการแข่งขันโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันก็ธรรมดา มีการแข่งขันก็มีคนที่ทำอะไรอย่างนี้ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ผมว่าทุกอาชีพมันก็มี สิ่งที่เราอยากทำแต่ว่าสิ่งที่มันมาด้วยกับงานที่เราไม่อยากทำก็ต้องมีน่ะ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน

ในฐานะนักการเมืองเวลาพูดอะไรยิ่งต้องคิดให้หนักกว่าเดิมเข้าไปอีก เพราะในโซเชี่ยลทีเดียเขามักจะคัดเป็นคำๆ มาเป็นข่าว

ทุกคนก็มีปัญหาทั้งนั้นแหละครับ แต่ว่าอันนี้ก็เลยทำให้นักการเมืองชอบโซเชี่ยลมีเดียนะครับ คือในแง่นึงก็อยากเขียนอยากควบคุมการสื่อสารก็ใช้ตรงนี้ แต่ข้อเสียของมันก็คือคนที่ใช้แต่สิ่งเหล่านี้จะหลีกหนีการตรวจสอบ

หมายความว่าอะไรครับ

ก็หมายความว่าเขาจะสื่อสารแต่ในสิ่งที่เขาอยากสื่อสาร แต่ว่าการที่จะต้องมาตอบคำถามแล้วบางทีก็ต้องมีพลาดมีอะไร นั่นน่ะคือกระบวนการของการที่สังคมตรวจสอบได้ นักการเมืองที่เป็นนักประชาธิปไตยจึงควรจะต้องไปสภา จึงควรจะต้องตอบคำถามสื่อ เพราะนั่นคือกระบวนการประชาธิปไตยที่สังคมจะสามารถตรวจสอบคุณได้

พูดถึงสภา ผมเห็นสภาอังกฤษเขานั่งกันเบียดๆ ผมรู้สึกว่าสภาไทยมันใหญ่โตโอ่อ่าไปไหมครับ

มันก็เป็นไปตามค่านิยมของแต่ละประเทศ สภาที่ใหญ่กว่าสภาเราก็มี สภาโลก แต่อังกฤษเขาก็จะเป็นวัฒนธรรมเขาก็จะเป็นความง่ายๆ จริงๆ คือที่นั่งไม่พอนะ จะเห็นว่าตอนประชุมเรื่องสำคัญๆ นี่จะต้องไปยืนเพราะที่นั่งมันไม่พอ แล้วเขาก็เผชิญหน้ากันในการพูด มีการโห่ฮา มีการเชียร์อะไรกันได้

แต่ของเราที่นั่งเหลือเต็มเลยอ่ะครับ ดูโบ๋ๆ

ส่วนหนึ่งก็ที่นั่งเกินอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าคุณไปดุสภาที่สหรัฐก็จะคล้ายๆ กัน

แต่สหรัฐฯ คนเยอะกว่า?

ต้องไปดูนะ ผมไม่แน่ใจ คือความดีของรูปแบบสภาอังกฤษคือผมก็ไม่แน่ใจว่ามาทำนี่ให้มาชกกันมั้ย คือมันเป็นการตอบโต้กันจริงๆ แต่สภาของเรากับหลายแห่งมันกลายเป็นเรื่องของคนเรียงไปพูด คำว่าประชุมก็เลยค่อนข้างจะแปลกไปกันนิด กลายเป็นการเรียงคิวแต่ละคนมาพูดโดยที่คนพูดอาจจะไม่ได้ฟังเลยว่าคนอื่นพูดว่าอะไร ยกเว้นเวลาประท้วงกันเพราะพาดพิงกัน

ซึ่งนั่งดูแล้วบางทีก็รำคาญนะ จะอะไรกันนักกันหนา รอให้พูดจบก่อนได้มั้ย

ก็บางทีคนที่ประท้วงเขาก็จงใจไม่ต้องการให้คนที่พูดน่ะพูดจบ

ตอนคุณอภิสิทธิ์เป็นนายก ช่วงที่การประท้วงร้อนแรงนี่ ตื่นมาแต่ละวันเป็นยังไงครับ

ก็หนักใจครับ เพราะว่ามันก็เป็นความรับผิดชอบใหญ่แล้วจะจัดการสถานการณ์ยังไง เพราะว่าด้านหนึ่งคนที่เป็นคนทั่วไปก็หงุดหงิดต้องการให้จัดการให้มันเร็ว เด็ดขาด หลายคนยุให้ใช้ความรุนแรงด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันก็ยึดถือมาตลอดว่าเราก็ต้องเคารพสิทธิของคนที่เขามาใช้สิทธิของเขาตามกฎหมายนะครับ แล้วก็หลักเลี่ยงไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย แต่ว่าโจทย์ก็ยากขึ้นเพราะว่าพอมีคนที่มีอาวุธเข้ามาอยู่ มันก็เกิดการใช้ความรุนแรงขึ้นมา


อันนี้ถามแบบไม่ได้โจมตีนะครับ แต่ที่เขาบอกว่า "อภิสิทธิ์ฆ่าประชาชน" นี่เหตุการณ์ตอนนั้นเป็นยังไงครับ ถึงโดนกล่าวหาแบบนี้

ก็ยืนยันว่าเราพยายามหลีกเลี่ยง หาวิธีการหลีกเลี่ยงความสูญเสียทุกวิถีทางแล้ว วิธีแก้ปัญหาทำได้ยากก็เพราะว่ามันมีปัญหาของคนที่ติดอาวุธเข้ามานะครับ ผมก็โดนกล่าวหาเรื่องนี้ ก็ถูกร้องไป ปปช. ฟ้องศาล ก็ตัดสินถึงที่สุดหมดแล้วนะครับ ก็คงไม่ได้เคยไปสั่งใช้ความรุนแรงฆ่าประชาชนนอกกรอบของกฎหมายอะไรทั้งสิ้น แล้วจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาผมกลับโดนข้อหาจากอีกด้านหนึ่งว่าผมไม่โหดพอ


ยังไงคือไม่โหดพอ

น่าจะมีกลุ่มคนที่มาโจมตีผมว่าไม่เด็ดขาดไม่รุนแรงพอ ต้องเอาคนที่เข้ามาแล้วควบคุมโดยใช้รูปแบบที่มันดูโหดๆ หน่อย


คิดว่านายกแบบไหนที่จะเหมาะกับเมืองไทยครับ

ก็แต่ละคนก็คงมีภาพของผู้นำที่อยากได้ไม่เหมือนกันนะครับ มันก็ต้องแล้วแต่ประชาชนที่จะเป็นคนตัดสินใจ แต่ผมก็อยากจะเห็นผู้นำที่มีคุณสมบัติพื้นฐานคือ หนึ่ง-เป็นนักประชาธิปไตย สอง-เป็นคนที่ซื่อสัตย์ แล้วก็ สาม-เป็นคนที่เท่าทันสถานการณ์และเป็นคนมองเห็นว่าอนาคตของสังคมไทยของโลกมันจะเป็นอย่างไร ถ้าได้สามส่วนนี้ด้วยกันก็จะเป็นประโยชน์กับการพัฒนาประเทศ




คุณอภิสิทธิ์โตมาในครอบครัวแบบไหนครับ

คุณพ่อจะเป็นคนที่ปลูกฝังให้เราทำอะไรจริงจัง พ่อเป็นคนที่ไม่ชอบการทำอะไรเล่นๆ คือทำแล้วต้องทำจริง ทำแล้วต้องทุ่มเท ทำแล้วต้องพยายามทำให้สำเร็จ


ดุไหมครับ

ไม่ดุมาก ท่านก็ผมว่าผมไม่ฟังท่านมานาน นั่นก็ไม่ได้จริงเท่าไหร่นะ แต่ว่าท่านชอบพูดกับคนอื่น ส่วนคุณแม่ก็จะเป็นคนที่ปลูกฝังให้เราสนใจใส่ใจคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ลำบากกว่าเรา


เราสอนลูกอย่างไรครับที่มีพ่อเป็นที่รู้จักทั้งประเทศอย่างนี้ เป็นลูกนักการเมือง

ผมก็คงไม่อยากจะไปสอนอะไรที่ต่างจากคนอื่นมั้ง แต่ผมโชคดีว่าลูกๆ ผมเขาคือเขาไม่ได้เคยสร้างปัญหาอะไรให้กับผม โดยพื้นฐานก็เรียบร้อย มีความตั้งใจดี มีค่านิยมหรือคุณค่าที่ตรงกับที่เราอยากให้เขาเป็น ก็ถือว่าโชคดีมาก ผมไม่ได้คิดว่าผมสอนเขานะ ถือว่าเขาเป็นด้วยตัวเขาเองนะครับ แต่ก็แน่นอนเขาก็รู้ว่าพอเป็นลูกของคนที่คนรู้จัก เขาก็ต้องระมัดระวังอะไรมากขึ้น ก็เห็นใจเขาอยู่ ผมว่าอันนี้ก็เป็นสิ่งที่ถือว่าไม่เป็นธรรมที่สุดสำหรับครอบครัวของคนสาธารณะ เพราะว่าผมเลือกอาชีพผมแต่เขาก็ไม่สามารถเลือกได้ที่จะต้องมาตกอยู่ในสถานะแบบนี้


คุณอภิสิทธิ์อยากปลูกฝังลูกเรื่องไหนมากที่สุดครับ

ก็อยากให้เขาซื่อสัตย์นะครับ แล้วก็คงจะไม่ต่างจากที่คุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังผมมา แต่อย่างที่ผมบอก ผมโชคดีว่าเขาเป็นคนที่เป็นตัวเขาเองอยู่แล้ว


ตอนนี้ลูกสาวเรียนจบ [ศิลปกรรมจากนิวยอร์ก] แล้วใช่ไหมครับ เห็นเป็นศิลปินวาดแมวเซอร์เรียลต่างๆ

เขากำลังจะจัดนิทรรศการอยู่ปลายเดือนหน้า


นี่ไงครับ ก็รู้จักศิลปินนี่ แล้วบอกไม่รู้จักศิลปิน

ใกล้ตัวเกินไป (ยิ้ม)



 

bottom of page